การตื่นตัวทางการดูแลสุขภาพจิตมีเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน และเมื่อผู้คนตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพจิตมากขึ้นแล้ว ความสนใจต่อการเข้ารับบริการทางสุขภาพจิตก็จะมีเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ผู้คนเริ่มเข้าหาบริการทางการแพทย์ รวมถึงบริการทางจิตวิทยามากขึ้น หนึ่งในนั้นคือ Private Counseling การปรึกษาทางจิตวิทยาแบบตัวต่อตัวหรือรายบุคคล
Private Counseling การปรึกษาทางจิตวิทยาแบบตัวต่อตัว คืออะไร?
Private Counseling การปรึกษาทางจิตวิทยาแบบตัวต่อตัว คือ กระบวนการทางจิตวิทยาที่ใช้การพูดคุยระหว่างผู้ให้บริการทางจิตวิทยาและผู้รับบริการ ในภาษาอังกฤษมีคำเรียกที่หลากหลาย ทั้ง Talk Therapy, Psychotherapy หรือ Therapy ก็ตาม ล้วนมีความหมายเดียวกับ Counseling ซึ่งทั้งหมดนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำให้ผู้ใช้บริการรู้สึกดีขึ้น และมีอาการดีขึ้นเหมือนกัน
การเข้ารับบริการ Private Counseling การปรึกษาทางจิตวิทยาแบบตัวต่อตัวนี้ สามารถทำได้ทั้งที่สถานที่ให้บริการของภาครัฐและภาคเอกชน เช่น ตามโรงพยาบาลต่าง ๆ หรือผู้ให้บริการเอกชนก็ได้ เมื่อเลือกสถานที่ให้บริการได้แล้ว จะมีการตกลงเวลาที่สะดวกร่วมกัน และนัดเข้ามาทำ Private Counseling ต่อไป
ในระหว่างการดำเนินการ Private Counseling นั้น ผู้รับบริการสามารถพูดอะไรก็ได้ตามที่ตัวเองต้องการแบ่งปัน ผู้ให้บริการทางจิตวิทยาจะใช้หลักการทางจิตวิทยาในการพูดคุยเพื่อตามหาสิ่งที่ผู้ใช้บริการกังวลหรือเครียดอยู่ โดยเรื่องราวที่ผู้รับบริการเล่าออกมานั้น จะถูกเก็บเป็นความลับในระหว่างการทำ Private Counseling และเป็นความลับระหว่างผู้ให้บริการทางจิตวิทยาและผู้รับบริการ ถ้าอยากร้องไห้ก็สามารถร้องได้เลย หรือหากรู้สึกไม่ดีก็สามารถขอหยุดได้ หรือถ้าหากไม่ชอบผู้ให้บริการทางจิตวิทยาก็สามารถขอเปลี่ยนได้ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ Private Counseling มีทั้งแบบที่เป็นครั้งเดียวจบ และมีการนัดหลายครั้ง ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้รับบริการ หรือการประเมินของผู้ให้บริการทางจิตวิทยา
ผู้รับบริการไม่จำเป็นต้องรู้สึกว่าตัวเองมีความผิดปกติก็สามารถเข้าไปทำ Private Counseling แค่เครียดและต้องการคนคุยด้วยก็สามารถไปใช้บริการได้ ในส่วนของผู้ที่รู้สึกว่าตัวเองรู้สึกไม่ดีจนส่งผลต่อความคิด จิตใจ ความรู้สึก รวมไปถึงพฤติกรรม เช่น มีการคิดวนซ้ำไปซ้ำมา มีการทำร้ายตัวเอง สามารถเข้าพบได้ทั้งนักจิตวิทยาและจิตแพทย์ เพื่อวินิจฉัยความผิดปกติเพิ่มเติม และอาจต้องทำการบำบัดที่มีความเข้มข้นมากกว่าการพูดคุย
ประโยชน์ของ Private Counseling การปรึกษาทางจิตวิทยาแบบตัวต่อตัว
- ได้พูดคุยเรื่องที่เราเป็นกังวล หรือเรื่องที่ทำให้เรารู้สึกแย่
- ทำให้เข้าใจตัวเองมากขึ้น
- รู้วิธีการเผชิญหน้าและรับมือกับปัญหา
- ทำให้รู้สึกดีขึ้น
ความแตกต่างระหว่าง การปรึกษาทางจิตวิทยาแบบตัวต่อตัว vs การพูดคุยทั่วไป
ประเภท/ความแตกต่าง | การปรึกษาทางจิตวิทยาแบบตัวต่อตัว | การพูดคุยทั่วไป |
ผู้ให้บริการ | ผู้ให้บริการทางจิตวิทยา | ใครก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ครอบครัว คนรัก คนรู้จัก หรือคนที่เรารู้สึกสบายใจที่จะพูดคุยด้วย |
กระบวนการที่ใช้ | กระบวนการปรึกษาทางจิตวิทยา โดยผู้ให้บริการทางจิตวิทยาจำเป็นต้องได้รับการฝึกอบรมและมีการฝึกฝนด้านการให้คำปรึกษามาก่อน จึงจะสามารถให้การปรึกษาได้ | ส่วนใหญ่จะไม่มีการใช้กระบวนการใดเป็นหลัก |
ความสัมพันธ์ของผู้รับบริการ | มีขอบเขตชัดเจน ทุกบทสนทนาที่เกิดขึ้นในระหว่างกระบวนการจะถูกเก็บเป็นความลับและไม่มีการพูดถึงข้างนอก | มีขอบเขตคลุมเครือ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล และด้วยความที่เป็นใครก็ได้ จึงอาจทำให้ปัญหาที่เคยปรึกษาไปแล้ว ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดในเวลาที่เราไม่อยากพูดถึงมัน |
ด้วยประโยชน์ของ Private Counseling การปรึกษาทางจิตวิทยาแบบตัวต่อตัว จะช่วยให้เราเข้าใจตัวเราเองมากขึ้น Private Counseling จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการดูแลสุขภาพจิตเบื้องต้นที่ทุกคนสามารถลองทำได้ ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นป่วยใจหนักก็มาทำ Private Counseling และมั่นใจได้เลยว่า ทุกเรื่องราว ทุกบทสนทนาจะถูกเก็บเป็นความลับ และปลอดภัยต่อใจ เพราะทุกกระบวนการดำเนินการด้วยผู้ให้บริการทางจิตวิทยา
บริการ Private Counseling จาก Peace Please Studio สำหรับบุคคลทั่วไป
บริการ Private Counseling จาก Peace Please Studio สำหรับองค์กร