สวมกอดส่งความห่วงใย การกอดมีประโยชน์อย่างไรบ้าง?

ในวันที่รู้สึกเหนื่อยล้า สิ้นหวัง เต็มไปด้วยความเครียด ความวิตกกังวล อารมณ์และความรู้สึกด้านลบนี้ค่อย ๆ กัดกินหัวใจดวงน้อยของเราไปเรื่อย ๆ จนความรู้สึกดีเริ่มหายไป เปลี่ยนวันที่ดีให้กลายเป็นวันที่แย่ได้อย่างรวดเร็วทันตามเห็น แต่ว่าความรู้สึกเศร้าซึมเหล่านี้ก็ไม่ได้จีรังนัก เพราะคนเรามักจะหาวิธีในการปรับอารมณ์และความรู้สึกของเราให้อยู่ในภาวะที่ดีขึ้นหรือเหมาะสมขึ้นกันอยู่ตลอด ซึ่งวิธีการที่จะนำมาซึ่งความรู้สึกดีนั้นมีหลากหลายวิธีเลยทีเดียว มีทั้งวิธีที่เราสามารถเริ่มทำจากตัวเองได้ หรือขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นเพื่อช่วยให้เรามีความรู้สึกดีขึ้นด้วยก็ตาม อาทิ การส่งต่อความรักและความห่วงใยผ่านการกอด

การกอดเป็นภาษากายรูปแบบหนึ่งที่พบได้ในหลายวัฒนธรรมทั่วโลกและถูกมองว่าเป็นภาษากายสากลที่ทำให้คนสองคนรับรู้ถึงความรู้สึกเชิงบวกระหว่างกันและกัน เช่น ความรัก ความห่วงใย ความปลอบโยน เป็นต้น ซึ่งการกอดนี้เองก็มีหลากหลายวิธีในการปฏิบัติแตกต่างกันไปตามแต่ละวัฒนธรรมและความสะดวกใจ บ้างก็กอดกันแค่ครึ่งตัว บ้างกอดกันอย่างแนบชิด บ้างกอดกันเพียงแขนแตะหลังตามมารยาท 

การกอดไม่ได้เพียงแค่ทำให้เรามีความรู้สึกดีระหว่างกันมากขึ้น หากแต่ยังมีประโยชน์ในด้านอื่น ๆ รวมถึงด้านร่างกายด้วย วันนี้เราจะมาพูดถึง 5 ประโยชน์ของ “การกอด” พฤติกรรมของมนุษย์เรารูปแบบหนึ่งที่ช่วยคลายความหนาวเหน็บ และเพิ่มความอบอุ่นในใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5 ประโยชน์ของการกอด 

  • พัฒนาความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น

การกอดเป็นภาษากายรูปแบบหนึ่ง แน่นอนว่าการกอดเป็นพฤติกรรมที่มักเกี่ยวข้องกับคนสองคนขึ้นไป (หรือคนเดียวก็ได้เช่นกัน เราสามารถกอดตัวเองได้) ซึ่งนั่นแปลว่าคนสองคนมีการสวมกอดกันเพื่อแสดงออกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ภาษาพูดไม่สามารถอธิบายได้อย่างครบถ้วน อาจเป็นการสวมกอดเพื่อส่งต่อความห่วงใย การสวมกอดจากความคิดถึง  การสวมกอดจากความอาลัยอาวรณ์ การสวมกอดเพื่อแสดงออกถึงความรัก หรือด้วยเหตุใดก็แล้วแต่นั้น การกอดทำให้คนสองคนรับรู้ถึงความรู้สึกของกันและกัน เมื่อเรารับรู้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายแล้ว มันจะช่วยให้เราไว้วางใจและมีความสนิทใจมากขึ้น อันนำไปสู่การมีความสัมพันธ์ที่ดีและแน่นแฟ้นระหว่างกันนั่นเอง

  • เพิ่มการหลั่งของฮอร์โมน Oxytocin เสริมสร้างความผูกพัน

ฮอร์โมน Oxytocin ขึ้นชื่อว่าเป็นฮอร์โมนแห่งความรัก เนื่องจากมันจะถูกหลั่งออกมาเมื่อเรารู้สึกได้รับความใกล้ชิดและความผูกพันจากมนุษย์อีกคน ไม่ว่าจะเป็นในความสัมพันธ์รูปแบบใดก็ตาม แม่ลูก ครอบครัว เพื่อนสนิท คนรัก หรือคนที่ไว้ใจอื่น ๆ และฮอร์โมนนี้มีส่วนในการสร้างความรู้สึกผูกพันระหว่างกัน อันนำไปสู่ความสุขและความพึงพอใจในความสัมพันธ์ได้ ซึ่งการกอดนี้เองถือเป็นพฤติกรรมอย่างหนึ่งที่ช่วยทำให้คนสองคนได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ทำให้ Oxytocin ได้ทำงานมากขึ้น

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ฮอร์โมน Oxytocin

  • ลดความเจ็บปวดทางกายและใจ

เพราะสุขภาพกายและสุขภาพใจนั้นสัมพันธ์กันโดยตรง เมื่อจิตใจของเราได้รับความรู้สึกดี ๆ ความรัก ความห่วงใย และความปรารถนาดีจากการสวมกอด จิตใจของเราจะรู้สึกเบิกบานตามความรู้สึกที่เราได้รับจากการสวมกอดนั้นด้วย และเมื่อจิตใจของเราเป็นสุขแล้ว มันสามารถส่งผลต่ออาการทางกายของเราได้ หากเราเคยรู้สึกตึงเครียดมาก่อน เมื่อใจเรารู้สึกเบาขึ้น ร่างกายเราก็จะเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น เครียดน้อยลง และสามารถคลายกังวลได้มากขึ้นอีกด้วย

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Emotional Pain ใจเจ็บ กายก็เจ็บไปด้วย

  • ช่วยคลายความเครียด

นอกจากการสวมกอดจะเป็นภาษากายที่ช่วยส่งต่อความรักและความห่วงใยระหว่างบุคคล อันนำมาซึ่งความรู้สึกที่ดีระหว่างกันและทำให้เรารู้สึกถึงความผูกพัน ซึ่งเป็นความรู้สึกเชิงบวกที่ช่วยคลายความเครียดของเราได้เป็นอย่างดีแล้วแล้ว ยังช่วยลดปริมาณการหลั่งของฮอร์โมนคอร์ติซอล หรือ ฮอร์โมนความเครียด ได้อีกด้วย ซึ่งช่วยทำให้ร่างกายของเรารู้สึกตึงเครียดน้อยลงและผ่อนคลายมากขึ้นไปตามลำดับนั่นเอง

  • ลดความดัน

การกอดช่วยทำให้ร่างกายเราหลั่งฮอร์โมน Oxytocin หรือฮอร์โมนแห่งความรักมากขึ้น ซึ่งนอกจาก Oxytocin จะช่วยในเรื่องของการสร้างความผูกพันระหว่างกันและกันแล้ว มันยังช่วยลดอัตรากาการเต้นของหัวใจให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและช่วยลดความดันสูงที่เกิดขึ้น อันเนื่องมาจากร่างกายรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นนั่นเอง ในขณะเดียวกัน การกอดยังช่วยลดการหลั่งของฮอร์โมนคอร์ติซอล หรือ ฮอร์โมนความเครียด เมื่อร่างกายเราตึงเครียดน้อยลง ไม่ได้อยู่ในสภาวะที่ต้องต่อสู้กับปัญหาแล้ว ร่างกายเราจะรู้สึกผ่อนคลายขึ้น จึงทำให้มีระดับการเต้นของหัวใจที่เหมาะสมและมีความดันที่อยู่ในระดับที่เหมาะสมอีกด้วยนั่นเอง

การกอดสามารถส่งผลต่อร่างกายและจิตใจของเราได้โดยตรง Virginia Satir นักบำบัดครอบครัวชาวอเมริกันได้มีคำกล่าวอันโด่งดังถึงการกอดไว้ว่า “เราต่างต้องการกอด 4 ครั้งเพื่อเอาชีวิตรอดในแต่ละวัน กอด 8 ครั้งเพื่อรักษาความสัมพันธ์ และกอด 12 ครั้งเพื่อการเติบโต (อาจเป็นการเติบโตทางจิตวิญญาณหรือความรู้สึก)” ถึงแม้ว่าคำพูดนี้จะฟังดูไม่น่าจะเป็นจริงเสียเท่าไหร่นัก แต่เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การกอดที่ช่วยเพิ่มความใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างกันนี้ช่วยเติมเต็มช่องว่างและความอ้างว้างในจิตใจได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ซึ่งการเติมเต็มทางจิตใจรูปแบบนี้แหละ ที่จะช่วยทำให้เรามีแรงต่อสู้กับโลกข้างนอกที่โหดร้ายได้อย่างอยู่หมัด

อ้างอิง

Hugs: Benefits, Research, & Quotes. (n.d.). The Berkeley Well-Being Institute.