เคยแอบ Judge หรือตัดสินคนอื่นกันบ้างไหม?
ลึก ๆ แล้วเราทุกคนต่างมีมุมมองในการมองคนแต่ละประเภทแตกต่างกันไป เราจำแนกคนออกไปตามความคิดและประสบการณ์ที่เราเคยพบเจอ ดังนั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าเราต่างเคยมีประสบการณ์ในการแอบตัดสินคนอื่นอยู่ลึก ๆ ภายในใจ แต่มันจะมีการตัดสินคนรูปแบบหนึ่งที่หนักกว่าการตัดสินแบบทั่วไปและสร้างบาดแผลให้ผู้คนมานักต่อนัก นั่นก็คือ การตีตราทางสังคม หรือ Stigma
Stigma คืออะไร?
การตีตราทางสังคม หรือ Stigma เป็นความคิดหรือความเชื่อที่คนคนหนึ่งมีต่อคนกลุ่มหนึ่งที่มีความแตกต่างจากบรรทัดฐานทางสังคมหรือมาตรฐานทั่วไปของทางสังคม เช่น คนที่มีสีผิวต่างจากเรา ผู้พิการ คนลี้ภัย คนที่เคยติดคุก ไปจนถึงผู้ป่วยจิตเวช ปัญหานี้เกิดจากคนบางคนมีประสบการณ์ไม่ดีกับคนกลุ่มนี้หรือมีภาพจำที่ไม่ดีกับคนกลุ่มนี้ จึงมีการจัดระเบียบความคิดว่ากลุ่มคนเหล่านี้เป็นกลุ่มคนที่ไม่ดีและไม่มีค่าเท่ากับมนุษย์ทั่วไป ส่งผลให้เกิดการด้อยค่าคนกลุ่มดังกล่าว มีการเลือกปฏิบัติ ไปจนถึงมีการลงโทษทางสังคม เช่น ขับไล่ออกจากชุมชน กลั่นแกล้งเพื่อความสนุก หรือรุมทำร้ายเพื่อคร่าชีวิตเลยก็มี
ปัญหาดังกล่าวยังคงพบอยู่เป็นวงกว้างในปัจจุบัน เนื่องจากภาพจำผิด ๆ หรือภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของคนกลุ่มนี้ยังคงมีการเผยแพร่อยู่ตลอดเวลา เช่น มีคนมองว่าผู้ลี้ภัยไม่ดีเพราะมีข่าวการทำร้ายจากผู้ลี้ภัย หรือมองคนศาสนาอื่นไม่ดีเพราะมีคนในศาสนานั้นทำตัวไม่ดี หรือมองเหยียดคนพิการและผู้ป่วยจิตเวชว่าน่ารังเกียจและไม่มีปัญญาเลี้ยงชีพ นอกจากปัญหาภาพจำที่ส่งต่อกันมาผ่านการสอนและการปลูกฝังแล้ว ยังรวมไปถึงสื่อที่เป็นตัวปัญหาหลักในการสร้างภาพจำผิด ๆ โดยภาพจำเหล่านั้นมีการกระตุ้นอารมณ์ของผู้คนมากเกินไป หรือก็คือมีการใส่สีตีไข่ให้สื่อมีคลิกเบทมากเกินไปเพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับตัวสื่อเอง เช่น ละครที่นำเสนอว่าผู้ป่วยจิตเวชคือคนไม่ดี หรือละครที่นำเสนอว่าคนติดคุกไม่มีทางกลับตัวเป็นคนดีได้ ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วอาจไม่ได้เป็นอย่างนั้นไปเสียทีเดียว โลกข้างนอกมีความซับซ้อนมากกว่านั้น แต่ Stigma ทำให้เรามองข้ามความเปราะบางและความซับซ้อนของชีวิตจนทำให้เราตีตราคนคนหนึ่งไปได้อย่างไร้ความเมตตา
Stigma ยังเป็นปัญหาหลักที่ทำให้คนในสังคมปฏิเสธที่จะเรียนรู้หรือทำความเข้าใจกับคนอื่น ๆ เช่น ไม่ยอมเปิดใจเรียนรู้ว่าผู้ลี้ภัยไปเจออะไรมาถึงต้องลี้ภัย ไม่ทำความเข้าใจผู้พิการว่าพวกเขาต่างพยายามใช้ชีวิตตามปกติให้ได้ ไม่ยอมศึกษาว่าการมีปัญหาสุขภาพจิตเป็นเรื่องที่ปกติและเกิดได้กับทุกคน ไม่ยอมมองมุมอื่นว่าคนที่เคยทำแย่จะสามารถกลับตัวกลับใจเป็นคนดีได้ และอีกสารพัดเรื่องราวมากมายที่ไม่ได้แย่อย่างที่สังคมบอกไว้ พวกเขาเหล่านี้ คนที่ไม่ได้มีชีวิตตรงไปตามมาตรฐานของสังคม พวกเขาเพียงต้องการโอกาส ความเข้าใจ และความเปิดใจเรียนรู้เรื่องราวชีวิตของพวกเขา หากเราทุกคนเปิดใจและไม่ตีตราผู้อื่นได้ จะช่วยทำให้สังคมของเราพัฒนาและผลักดันกันและกันให้ไปอยู่ในจุดที่ดีได้กว่าเดิมอย่างแน่นอน