ล้วงลึกถึงเหตุผลของ “การนอกใจ” ด้วยจิตวิทยา

เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ในช่วงปี 2012 บริษัทถุงยางอนามัยชั้นนำของโลกอย่าง Durex เคยได้ทำการสำรวจเกี่ยวกับการนอกใจในแต่ละประเทศ ผลสำรวจปรากฏว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอัตราคนนอกใจเยอะที่สุดในโลก! ซึ่งถือว่าเป็นที่ฮือฮาและพูดถึงในสังคมวงกว้าง ณ ขณะนั้นเป็นอย่างมาก มาถึงตอนนี้ 11 ปีผ่านไป จากผลสำรวจของ World Population Review พบว่า ประเทศไทยตกไปอยู่ที่อันดับ 4 แทน โดย 3 อันดับแรกตกเป็นของประเทศสหรัฐอเมริกา เยอรมนี และอังกฤษ ตามลำดับ

ด้วยผลสำรวจที่ชัดเจนแจ่มแจ้งขนาดนี้ แสดงว่าประเด็นการนอกใจในกลุ่มสังคมไทยต้องมีความไม่ธรรมดาแน่ ๆ แต่ทุกคนเคยสงสัยไหมว่า คนเราจะนอกใจกันทำไมทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันผิด วันนี้ เราจะมาหาคำตอบกันด้วยคำอธิบายทางจิตวิทยา

การเกิดขึ้นของความรักเป็นปริศนาฉันใด เหตุผลของคนนอกใจก็เป็นปริศนาไม่ต่างกันฉันนั้น จริง ๆ แล้วเหตุผลในการนอกใจของแต่ละคนมีเยอะและกว้างมาก แต่จากที่เห็นกันบ่อย ๆ เป็นอันดับต้น ๆ มีประมาณนี้

1️. หมดรักกันและกันแล้ว ไม่รู้สึกถึงความผูกพันต่อกัน

2️. ต้องการความตื่นเต้นในชีวิต

3️. คู่รักไม่สามารถตอบสนองด้านความต้องการได้

4️. ควบคุมตัวเองไม่ได้

5️. คิดว่าการนอกใจเป็นเรื่องไม่ผิด

couples cheating

แล้วเหตุผลของการนอกใจพวกนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลังมาจากอะไร? หากใช้จิตวิทยาในการอธิบาย จะสามารถมองได้หลายมุมมองทีเดียว ดังตัวอย่างที่จะยกมาให้อ่านต่อไปนี้

1. มี Commitment Issue

หรือเรียกอีกชื่อว่า ปัญหาของการผูกมัดในความสัมพันธ์ ซึ่งเป็นความรู้สึกกลัวที่จะต้องตกอยู่ภายในความสัมพันธ์กับคน ๆ เดียวในระยะยาว มีความไม่มั่นใจในความสัมพันธ์ระยะยาว ไม่เชื่อใจในคู่ของตน ไม่อยากแชร์ความรู้สึกหรือรู้สึกอยากสนิทสนมด้วย รู้สึกสบายใจกับความสัมพันธ์ที่ฉาบฉวยมากกว่า จึงทำให้มีแนวโน้มที่จะนอกใจตามมา โดยสาเหตุของปัญหานี้ยังไม่มีการศึกษาแน่ชัดนัก แต่อาจมาจากหลาย ๆ ปัจจัยรวมกัน เช่น ความพึงพอใจในตนเองต่ำ ความผูกพันในครอบครัว อาการป่วยทางจิต ไปจนถึงปมปัญหาในอดีต

2. มีความต้องการที่ไม่ตรงกัน

ประเด็นเรื่องความต้องการทางเพศที่ไม่ตรงกันถือว่าเป็นหนึ่งในเหตุผลยอดฮิตที่ทำให้คนนอกใจ เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้ อีกฝ่ายจึงโหยหาการเติมเต็มจากแหล่งอื่น และลงเอยด้วยการนอกใจในท้ายที่สุด นอกเหนือจากเรื่องความต้องการทางเพศ ยังรวมไปถึงความต้องการทางด้านอื่น ๆ เช่น ต้องการใช้เวลาด้วยกัน ต้องการการสัมผัส ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดการนอกใจได้ทั้งสิ้น

3. ลักษณะนิสัยพื้นฐาน

โดยเฉพาะกลุ่มคนหลงตัวเอง หรือ Narcissism ที่มีมุมมองต่อตัวเองว่าเป็นคนที่ดีกว่าคนอื่น คิดว่าตนเองมีภาพลักษณ์ที่เหนือกว่าผู้อื่น ต้องการให้ผู้อื่นมาสนใจ มองตัวเองเป็นศูนย์กลาง คิดว่าตนสมควรได้รับสิ่งที่ดีที่สุด และมองผลประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก จึงทำให้การอยู่ในความสัมพันธ์เป็นเรื่องที่ยากสำหรับคนกลุ่มนี้ เพราะมีการมองตัวเองเป็นหลัก เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาได้รับการเติมเต็มหรือความสนใจไม่เพียงพอ ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงในการนอกใจได้ นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงกลุ่มคนที่มีนิสัยเปิดกว้างต่อประสบการณ์ และชอบความท้าทาย เพราะพวกเขาต้องการพบเจออะไรใหม่ ๆ ที่มีความท้าทาย ทำให้ตื่นเต้น จึงทำให้มีความเสี่ยงต่อการนอกใจได้ง่ายอีกด้วย

4. โตมากับเรื่องการนอกใจ

ตอนเด็ก ๆ อาจโตมากับการปลูกฝังหรือเห็นพฤติกรรมของผู้ปกครองที่มีการนอกใจเป็นปกติ จนทำให้ซึมซับความคิดที่ว่าการนอกใจเป็นเรื่องปกติ หรือมีการเรียนรู้มาจากแหล่งอื่น ๆ อย่างสื่อต่าง ๆ ที่มีความคิดว่าการนอกใจไม่ใช่เรื่องที่ผิดแปลกอะไร เช่น ความคิดที่ว่า “นอกกาย ≠ นอกใจ” ทั้ง ๆ ที่มันก็ผิดไม่ต่างกัน และนับว่าเป็นการทำผิดต่อคู่ของตนอย่างปฏิเสธไม่ได้

5. มองว่าการนอกใจเป็นวิธีฟื้นฟูความสัมพันธ์

บางคนมองว่าการนอกใจเป็นวิธีการแก้แค้นคู่รักของตน เป็นการสั่งสอน เอาคืน แสดงอำนาจ รวมไปถึงการเรียกร้องความสนใจในความสัมพันธ์ ซึ่งเกิดจากมุมมองที่ว่า การนอกใจจะเป็นวิธีในการช่วยให้อีกฝ่ายเล็งเห็นความสำคัญของตนมากขึ้น ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้ว การฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นนั้นมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ แต่กลับไม่ทำ หรือทำแล้วอาจไม่ได้ผลเท่าที่ควร

ถึงแม้ว่า ในบางครั้งการนอกใจอาจเป็นเรื่องที่มีเหตุผล แต่ถ้าหากมันส่งผลให้คนในความสัมพันธ์รู้สึกไม่ดี และอยู่นอกเหนือข้อตกลงของความสัมพันธ์ นั่นหมายความว่า การนอกใจเป็นเรื่องที่ผิดอย่างปฏิเสธไม่ได้

polyamory relatiopnship

แต่ในปัจจุบัน ค่านิยมด้านความสัมพันธ์ของสังคมได้ขยายความเป็นไปได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อนแล้ว ค่านิยมผัวเดียวเมียเดียว (Monogamy) ไม่ได้เป็นสิ่งที่ผู้คนบางกลุ่มยึดถืออีกต่อไป และมีการให้โอกาสตัวเองในการมีคู่ครองหลายคนแทน หรือที่เรียกว่า Polyamory หรือการมีความสัมพันธ์แบบเปิด (Open Relationship) ซึ่งความสัมพันธ์รูปแบบนี้เป็นการตกลงกันของคนในความสัมพันธ์ว่า พวกเขาจะมีการเปิดโอกาสได้เจอคนใหม่ ๆ และไม่มีการปิดกั้นทางด้านความสัมพันธ์ เช่น มีชายหญิงคู่หนึ่งเป็นแฟนกัน แต่ภายใต้ Open Relationship พวกเขาสามารถคบหากับคนอื่นเพิ่มเติมได้ หรือมีคู่นอนเพิ่มเติมได้ กฎเหล็กในความสัมพันธ์คือไม่ควรมีการปิดบังด้านความสัมพันธ์ ไม่จำเป็นต้องคบกันคนอื่นแบบลับ ๆ ล่อ ๆ เพื่อให้คนในความสัมพันธ์ต่างรู้สึกสบายใจในความสัมพันธ์กันได้มากขึ้นนั่นเอง

ฉะนั้น ไม่ว่าคุณจะอยู่ในความสัมพันธ์แบบใดก็ตาม การสื่อสาร ความเข้าใจ และข้อตกลงภายในความสัมพันธ์เป็นเรื่องที่สำคัญมาก และมันจะช่วยทำให้ความสัมพันธ์นี้อยู่กันได้ยืนยาวอีกด้วย รักษามันไว้ให้ดี ๆ ล่ะ

อ้างอิง

ปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนอกใจ. คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

Why do people cheat? | Relate. (n.d.).

Bettino, K. (2021, May 28). Fear of Commitment or Commitment Phobia? Psych Central.

Infidelity Rates by Country 2023. (n.d.).