มุมมองของนักจิตวิทยาต่อ Nostalgia หรือการโหยหาอดีต

holding vintage camera with a red carnation flower in the sky reminding of nostalgia

ใครสักคนเคยพูดไว้ว่า แฟชั่นจะวนกลับมาทุก ๆ 20 ปี และนั่นฟังดูจะเป็นเรื่องที่จริงเสียด้วย อย่างที่เราเห็นกันในช่วงนี้ แฟชั่นจากต้นยุค 2000 หรือที่เรียกกันว่า Y2K ได้กลายมาเป้นแฟชั่นที่คนสมัยนี้ให้ความสนใจ และชวนให้คนที่ใช้ชีวิตในยุคนั้น คิดถึงอะไรหลาย ๆ อย่างในที่มาจากยุคนั้นอีกด้วย เช่น โทรศัพท์พับได้ เฮดโฟน วอล์คแมน กล้องดิจิทัล เป็นต้น นอกจากสิ่งของเครื่องใช้แล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่หลาย ๆ คนคำนึงหายังรวมไปถึงประสบการณ์และช่วงเวลาดี ๆ ในอดีตอีกด้วย เช่น เวลาโทรหาเพื่อนหรือแฟนต้องใช้โทรศัพท์บ้าน การปั่นจักรยานไปเที่ยวด้วยกัน การใช้คอมพิวเตอร์ครั้งแรก และอีกหลากหลายประสบการณ์อีกมากมาย หลาย ๆ ครั้งที่เรามองย้อนกลับไป วันเวลาในอดีตเหล่านั้นมันช่างเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา ซื่อตรง สนุกสนาน และเต็มไปด้วยความสุขเสียจริง 

อาการคิดถึงความหลังเหล่านี้มีชื่อเรียกว่า Nostalgia ในอดีต การโหยหาอดีตนี้ถูกมองในแง่ลบว่าเป็นอาการทางจิตรูปแบบหนึ่งที่เกิดขึ้นกับคนพลัดถิ่น (คนที่ย้ายที่อยู่อาศัย) แต่ต่อมาเมื่อมันได้รับการศึกษามากขึ้น ปรากฎว่ามันเป็นอาการที่เกิดขึ้นกับใครก็ได้ และเป็นอาการเชิงบวกเสียด้วย เพราะว่าการโหยหาอดีตนั้นมักทำให้เรารู้สึกอบอุ่นหัวใจ ถึงแม้ว่าการโหยหาอดีตจะฟังดูเป็นคำเชิงลบ คล้าย ๆ กับเรามองว่า ช่วงเวลาในอดีตดีกว่าปัจจุบัน แต่แท้จริงแล้ว การโหยหาอดีตถือเป็นอาการหนึ่งที่ช่วยเรารับมือกับความเปลี่ยนแปลงในชีวิตที่ดีทีเดียว

Krystine Batcho นักจิตวิทยาและศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาแห่ง LeMoyne College ผู้ทำวิจัยเกี่ยวกับ Nostalgia ได้กล่าวว่า Nostalgia การโหยหาอดีตทำให้เราได้สัมผัสตัวตนของเราอีกครั้ง ทำให้เราระลึกได้ว่าเราเป็นใคร เรามาจากไหน และเราผ่านอะไรมาบ้าง ซึ่งนั่นช่วยให้เรามองเห็นภาพอนาคตหรือความเป็นไปได้เกิดขึ้นกลาย ๆ การนึกถึงอดีตจะช่วยทำให้เราวางแผนอนาคตได้ดีขึ้น ทำให้เราก้าวสู่อนาคตได้อย่างมั่นคงมากขึ้น เพราะมีการทบทวนและตรวจสอบตัวเองเกิดขึ้น

นอกจากนี้ Nostalgia ยังทำให้เรารู้สึกผูกพันและเป็นส่วนหนึ่งของสังคม เช่น ครอบครัวและเพื่อนฝูง เมื่อมองย้อนกลับไปถึงมีเหตุการณ์ที่มีคนเหล่านี้ทีไรก็จะทำให้เราอมยิ้มและคิดถึงช่วงเวลาเก่า ๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งนั่นช่วยให้เราได้เชื่อมต่อกับผู้คนเหล่านั้นได้อีกครั้ง รวมถึงเชื่อมต่อกับคนอื่นที่มีประสบการณ์คล้าย ๆ กัน เช่น ในช่วงปีที่โทรศัพท์พับได้เข้ามาใหม่ ๆ บางคนอาจได้ซื้อมาใช้ และคนที่ได้ใช้ในตอนนั้นก็มาแชร์ประสบการณ์ร่วมกัน เกิดเป็นการเชื่อมต่อกับคนกลุ่มใหม่ที่มีประสบการณ์ในอดีตเหมือนกันอีกด้วย

ดังนั้นแล้ว Nostalgia การโหยหาอดีตจึงไม่ใช่เรื่องแย่เท่าไหร่ แต่เป็นการเปรียบเทียบอดีตกับปัจจุบันเพื่อสร้างอนาคตให้ดีกว่าเดิม แต่ก็ต้องระวังติดหล่มอดีตจนลืมที่จะอยู่กับปัจจุบันด้วย ยังไงเราก็ต้องเดินหน้าต่อไปพร้อมกับที่ต้องยอมรับว่า ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว ความสุขในปัจจุบันและอนาคตต่อไปนี้มีเพียงตัวเราเป็นคนสร้างและกำหนดมันขึ้นมาเอง