เพราะ “การเรียนรู้ตลอดชีวิต” ต้องการ “สุขภาพจิตที่ดี” – “คุณเจน จงสถิตย์วัฒนา” ทายาทรุ่นที่สองแห่งนานมีบุ๊คส์

เพราะ “การเรียนรู้ตลอดชีวิต” ต้องการ “สุขภาพจิตที่ดี” เปิดห้องทำงาน คุยเรื่องธุรกิจ สุขภาพจิต และการเรียนรู้ ไปกับ “คุณเจน จงสถิตย์วัฒนา” ทายาทรุ่นที่สองแห่งนานมีบุ๊คส์ ที่ยังคงให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ และผลิตหนังสือที่ “คนไทยควรจะได้อ่าน” มากว่า 31 ปี

เป็นระยะเวลากว่า 3 ทศวรรษที่ชื่อของ “นานมีบุ๊คส์” ยังคงเป็นสำนักพิมพ์แรก ๆ ที่คนไทยนึกถึงเมื่อมองหาหนังสืออ่านสักเล่ม จากการผลัดมือของผู้บุกเบิกรุ่นแรก คุณสุวดี จงสถิตย์วัฒนา ไปสู่รุ่นที่สอง ซึ่งในปัจจุบัน บริษัทอยู่ภายใต้การดูแลของลูกสาวทั้งสองคนของคุณสุวดี และตลอด 31 ปีที่ผ่านมานี้ เรียกได้ว่า นานมีบุ๊คส์เป็นมากกว่าเพียงสำนักพิมพ์ เพราะได้ฝากฝังแนวคิดอันน่าสนใจอย่าง “การเรียนรู้ตลอดชีวิต” ไว้ให้เหล่านักอ่าน รวมถึงโรงแรม Rain Tree Residence Hotel โรงแรมของนานมีบุ๊คส์ที่เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจและแหล่งเรียนรู้ท่ามกลางความร่มรื่นของเขาใหญ่ ปัจจุบัน นานมีบุ๊คส์ยังคงเติบโตไปเรื่อย ๆ และให้ความสนใจต่อประเด็นสังคมอย่างไม่หยุดยั้ง 

รวมถึงประเด็นหนึ่งที่ได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นในทุก ๆ วัน อย่างประเด็น “สุขภาพจิต” นานมีบุ๊คส์ก็ไม่รีรอที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยชูประเด็นนี้ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นผ่านหนังสือ รวมถึงมีการจัดกิจกรรมภายใน Rain Tree Residence Hotel เพื่อส่งเสริมสุขภาวะทางกายและใจที่ดีให้สำหรับผู้ที่สนใจ

ในวันนี้ เราชวนมาเปิดบทสนทนา ค้นหาตัวตน และนั่งฟังเรื่องราวที่น่าสนใจ ไปกับ “คุณเจน จงสถิตย์วัฒนา” ทายาทรุ่นที่สองของนานมีบุ๊คส์ ที่จะมาเปิดใจคุยเรื่องราวธุรกิจและสุขภาพจิตไปด้วยกันกับเรา รวมถึงพูดคุยเกี่ยวกับการร่วมทำโปรเจกต์ Retreat กับ Peace Please Studio ชื่อว่า “Read Rest Recover | Mental Health Retreat” ที่กำลังจะมาถึงอีกด้วย 

อยากให้คุณเจนแนะนำตัว และเล่าถึงสิ่งที่ทำอยู่ในตอนนี้ให้พวกเรารู้จักมากขึ้น

“สวัสดีค่ะ ชื่อเจน จงสถิตย์วัฒนานะคะ ปัจจุบันเป็นรองกรรมการผู้จัดการของบริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด ซึ่งก่อตั้งโดยคุณแม่เจนเอง หรือคุณสุวดี จงสถิตย์วัฒนา ปีนี้บริษัทก็ย่างเข้าอายุ 31 ปีแล้วค่ะ แรกเริ่มตอนที่ก่อตั้งบริษัทมา คุณสุวดีสร้างสำนักพิมพ์จากศูนย์ด้วยอุดมการณ์ที่ว่า ต้องการยกระดับเด็กและเยาวชนไทยผ่านการศึกษา และมองว่าเราสามารถเริ่มได้จากในโรงเรียน เนื่องจากภายในโรงเรียนมีหนังสือเยอะ ซึ่งคุณแม่ก็เริ่มจากการทำหนังสือเสริมความรู้ ทำให้การเรียนรู้สนุกมากยิ่งขึ้น เพราะการอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียวมันไม่พอนะคะ ทั้งการฟังและการอ่านเป็นการเรียนรู้เพียงแค่ 30-40% เท่านั้น แต่ว่าที่เหลือเกิดจากการลงมือทำ การปฏิบัติจริง ที่จะฝังเข้าไปในความทรงจำของเรา เกิดเป็นการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้น พ่วงกับการขายหนังสือแล้ว บริษัทจะมีการจัดกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นค่ายเด็กและเยาวชน หรือกิจกรรมอบรมบรรณารักษ์ ว่าควรมีการจัดห้องสมุดอย่างไรให้เด็ก ๆ อยากเข้า หรืออบรมครูวิทยาศาสตร์ ว่าจะเอาหนังสือเสริมความรู้ของเราไปทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์อย่างไรให้เด็กสนใจและอยากเรียนหนังสือ แต่ในปัจจุบันพอผ่านมา 10-20 ปี คุณแม่ก็ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของสังคม และมองว่ามันกลายเป็นโลกดิจิทัลมากขึ้น เราไม่สามารถส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านทางหนังสือได้อย่างเดียวแล้ว เราก็เลยผันแปรตัวเองจากบริษัทสำนักพิมพ์มาเป็นบริษัทที่ส่งเสริมการเรียนรู้ และเน้นว่าเป็น “การเรียนรู้ตลอดชีวิต” โดยเรามีหนังสือสำหรับเด็กเพิ่งเกิดไปจนถึงผู้สูงวัยเลยค่ะ”   

อยากให้เล่าที่มาของ Rain Tree Residence Hotel 

“อย่างที่เล่าไปว่า เราเชื่อมั่นในการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติจริงนะคะ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาก็เลยมีการจัดกิจกรรมเยอะมาก สมัยก่อนเราจะเช่าสถานที่ข้างนอก ต่อมาคิดว่าทำไมเราไม่ทำของเราเอง เอาจริง ๆ มันเริ่มจากว่า คุณพ่อคุณแม่เจนต้องการหาที่ดินที่เขาใหญ่เพื่อปลูกบ้านในวัยเกษียณ สรุปว่าก็ไม่ได้เกษียณนะคะ ก็ทำงานต่อไป (หัวเราะ) ทีนี้พอคุณแม่อยู่ไปก็รู้สึกว่าที่นี่มันดีมากเลย เราเลยต่อเติมโดยตั้งคอนเซปต์ขึ้นมาว่า เราจะเป็นโรงแรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ ทำให้ธรรมชาติสร้างแรงบันดาลใจอะไรบางอย่างให้กับคนที่มา เราอยากให้คุณไปลองของจริง ทั้งในแปลงผัก ใต้ต้นไม้ มานั่งคุยกัน มาอ่านหนังสือตามมุมต่าง ๆ ก็ได้ เรามีหนังสือเยอะมาก อีกทั้งในโรงแรมและห้องพักก็มีการตกแต่งเป็นธีมนักเขียน มีสถานีเรียนรู้ต่าง ๆ เป็นคล้าย ๆ กับสิ่งอำนวยความสะดวกที่โรงแรมมี นอกจากนี้ เรามีการเสริมกิจกรรมเข้าไป เช่น กิจกรรมเดินป่า ระหว่างทางเดินจะมีจุดอธิบายว่าตรงนี้คืออะไรและมันช่วยอะไร ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจากการที่เราไปเดินสำรวจกับที่ปรึกษา เราก็บอกเขาว่า ช่วยดูให้หน่อยว่าตามทางมีอะไรที่มันจุดประเด็นการเรียนรู้ได้บ้าง เพื่อให้คนที่เข้าร่วมกิจกรรมได้เห็นของจริง”

คุณเจนมองว่า “สุขภาพจิต” มีความสำคัญอย่างไรบ้าง?

“เจนว่ามันส่งผลต่อชีวิตคนจริง ๆ นะคะ คือจะเห็นได้ว่า ในภาวะปกติกับในภาวะที่เขาไม่สบาย นิสัยคนเปลี่ยนไปเลย และเราสามารถสังเกตเห็นได้ เจนรู้สึกว่า เราไม่อยากให้ภาวะของเขามันแย่ลงจนทำให้เขาคิดสั้น เราอยากช่วยเหลือเขาให้ทัน อย่างปีที่แล้ว ครอบครัวเจนก็มีลูกพี่ลูกน้องเป็นซึมเศร้าหลังคลอด ในช่วงที่เขาป่วยคือมันเร็วมาก แค่ 2-3 เดือน ในช่วงแรกที่เขาป่วย คือเขาไม่ยอมรับ แต่มันก็เป็นตัวอย่างให้เราเห็นว่า ผู้ป่วยซึมเศร้าไม่กล้ายอมรับ ไม่กล้าบอกใคร เพราะมันทำให้พวกเขารู้สึกอับอาย แต่ทางครอบครัวเองก็พยายามช่วยหาข้อมูล แต่เมืองไทยไม่มีหนังสือเกี่ยวกับภาวะซึมเศร้าหลังคลอดแม้แต่เล่มเดียว หลังจากนั้น เราจึงรีบควานหาต้นฉบับเพื่อมาทำหนังสือเกี่ยวกับภาวะซึมเศร้าหลังคลอด เพื่อให้ความรู้แก่แม่และพ่อว่า ประมาณ 50% ของผู้หญิงหลังคลอดจะมีภาวะซึมเศร้า บางคนอาจเป็นเพียง 1-2 เดือนแล้วก็หาย แต่สำหรับบางคนก็อาจจะดิ่งไปเลย 

อีกเรื่องหนึ่งคือ เจนรู้สึกว่าการเลี้ยงดูตั้งแต่เด็ก ๆ ส่งผลต่อพวกเราทุกคนในตอนนี้ บางคนตอนเด็ก ๆ มีปมบางอย่าง หรือเคยมีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้ไม่มั่นคงทางจิตใจ มันอาจทำให้เขามีโอกาสที่จะมีภาวะซึมเศร้าหรือมีความเสี่ยงทางสุขภาพจิตมากขึ้น เจนเลยมองว่า พื้นฐานของครอบครัวค่อนข้างสำคัญมากค่ะ เพราะฉะนั้น ในฐานะนานมีบุ๊คส์ นอกจากเราจะส่งเสริมการเรียนรู้แล้ว เรายังทำงานร่วมกับพ่อแม่และโรงเรียน เพราะมันเป็นพื้นที่ที่เด็กใช้เวลาด้วยเกือบ 100% โดยมีการให้ความรู้ว่าควรสอนเด็กอย่างไร เลี้ยงดูเขาอย่างไรให้โตมาเป็นคนที่มีคุณภาพ ด้วยความรัก ความอบอุ่น และความมั่นคง เพราะวิธีการที่คุณเลี้ยงลูกและบรรยากาศครอบครัวคุณในตอนนี้ส่งผลต่อเด็กด้วย เจนว่ามันสำคัญต่อเด็กในฐานะผู้คนในยุคต่อไป และอยากให้มีรากฐานที่มั่นคงในการสร้างสังคมที่ดีกว่าเดิมค่ะ”

ให้คุณเจนเล่าถึงเคล็ดลับวิธีการฟื้นฟูเยียวยาจิตใจของตัวเอง?

“โดยพื้นฐานเจนเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีอยู่แล้ว เป็นคนที่พยายามมองหาสิ่งดี ๆ ในทุก ๆ สถานการณ์ คือเราจะคิดบวกหรือคิดลบก็ได้ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ถ้าเราพยายามคิดว่ามันเป็นบวก เจนก็มองว่ามันสามารถเป็นบวกได้ ก็เป็นการเริ่มที่มายด์เซ็ตค่ะ

อันที่สองก็คือ เจนเป็นคนที่ชอบออกกำลังกาย บางครั้งเราเครียดและเหนื่อยมาก เราก็คิดว่า โห ไม่อยากออกกำลังกายเลย แต่พอได้ทำแล้วเจนก็รู้สึกดีขึ้นค่ะ

อันที่สามก็คือเป็นการพูดมันออกมา ช่วยได้มากนะคะ พูดกับเพื่อน พูดกับครอบครัว พูดกับใครก็ได้ที่เราเชื่อใจ สบายใจที่จะพูด บางเนื้อหาไม่รู้จะพูดกับใครก็พูดคนเดียว เช่น ตื่นเช้ามาเราก็แบบ วันนี้ง่วงจังเลย ไหนลองยิ้มกับกระจกสิ เราก็ยิ้มตาม มันก็เป็นอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ พอเราบังคับกล้ามเนื้อของเราให้ยิ้ม เราก็จะค่อย ๆ ยิ้มไปเอง

ทีนี้มีช่วงหนึ่งที่เจนรู้สึกเครียด ก็เลยลองไปเรียนเปียโน ตอนเด็ก ๆ เจนเคยเรียนเปียโนมาก่อน แต่เล่นไม่เก่งเลย และก็ไม่ได้เรียนมา 20 ปีแล้ว แต่พอเจนเครียด ก็เลยมองหากิจกรรมที่เราเคยทำมาก่อน รู้สึกว่าการเล่นดนตรีก็เหมือนการฝึกสมาธิอย่างหนึ่ง ต้องโฟกัสมาก คล้าย ๆ กับการทำสมาธิที่ช่วยให้เราฝึกสติมากขึ้น อย่างคุณแม่เจนเองทำงานเยอะ ผ่านภาวะเครียดมาค่อนข้างเยอะ มีช่วงหนึ่งที่ท่านปวดหัวมาก แต่มันไม่ใช่ไมเกรน ไปลองหาหมอทุกแขนงก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ จนคุณแม่ได้พบจิตแพทย์ ทำให้คุณแม่ได้ลองฝึกสติ หรือ Mindfulness เป็นการฝึกสติของตนเอง ซึ่งไม่ว่าศาสนาไหนก็สามารถทำได้ โดยคุณแม่ได้ลองหลับตาและหายใจเข้าหายใจออกสัก 10 นาที กลายเป็นว่าคุณแม่รู้สึกดีขึ้น คุณหมอเลยให้ทำอย่างนี้ทุกวันเมื่อรู้สึกจิตใจว้าวุ่น คุณแม่จึงให้คุณหมอมาอบรมพนักงานนานมีบุ๊คส์ เพราะทุกคนก็คงเครียดเหมือนกัน ต่อมาก็ได้ออกหนังสือเรื่อง Mindfulness ด้วย 

อีกอย่างหนึ่งคือการออกไปทำอะไรใหม่ ๆ ไปทำกิจกรรมใหม่ ๆ ไปเจอผู้คนใหม่ ๆ ไปรับประสบการณ์ใหม่ ๆ ก็ช่วยด้วยเช่นกันค่ะ ในชีวิตประจำวัน หลาย ๆ คนก็น่าจะเจออะไรคล้าย  ๆ กันใช่ไหมคะ อย่างตื่นนอน เดินทางมาทำงาน ทำงานทั้งวัน กลับบ้านมากินข้าว ทำนู่นทำนี่ในบ้านแล้วก็นอน ก็ทำให้รู้สึกว่าชีวิตมันจำเจ บางครั้งการได้ทำอะไรใหม่ ๆ ก็น่าจะช่วยรีเฟรชตัวเองขึ้นมาได้” 

Retreat ที่คุณเจนเคยเข้าร่วมมาก่อนหน้านี้เป็นอย่างไรบ้าง

“ตอนเด็ก ๆ เจนเป็นคนชอบทำกิจกรรม อาจเป็นเพราะว่าคุณแม่ส่งเสริมเรื่องการเข้าค่ายมาก เจนก็เลยได้เข้าค่ายตั้งแต่เด็ก ๆ มันสนุกมากจนเจนไม่อยากกลับบ้านเลย พอจะกลับบ้านก็จะร้องไห้ ส่วนคุณแม่เองก็เคยจัดค่าย Go Genius สำหรับเยาวชน มีไปต่างจังหวัดบ้าง ต่างประเทศบ้าง ทำให้เราได้เรียนรู้การใช้ชีวิตที่ไม่มีพ่อแม่ดูแล ทำให้เราได้โตขึ้น และรู้จักปรับตัวกับสถานการณ์ต่าง ๆ 

แต่ถ้าพูดถึง Retreat ของผู้ใหญ่ สิ่งที่เราควรจะได้รับคือความผ่อนคลาย และสามารถตอบโจทย์เราได้ อย่างล่าสุดเจนไปหลวงพระบางมา พอเราไปคนเดียว เราไม่รู้จักใคร เลยได้ไปคุยกับคนที่นั่งข้าง ๆ จนได้เพื่อนใหม่มาเพิ่ม ซึ่งทำให้เราได้เจอคนที่มีเรื่องราวน่าสนใจและแตกต่างจากเรา เป็นประสบการณ์ที่ดีค่ะ
ในส่วนของ Retreat ที่นานมีบุ๊คส์และ Peace Please Studio กำลังจะจัดคือเป็น Retreat สำหรับดูแลสุขภาพใจ ภาวะความเครียด อะไรบางอย่างที่เราต้องการระบาย หรือต้องการทำให้ตัวเองมีความสุขมากขึ้น เพราะพอเป็นผู้ใหญ่แล้ว มันเต็มไปด้วยความรับผิดชอบ ภาระหน้าที่ ความเครียด เราก็เลยต้องการการเยียวยาจิตใจบางอย่าง แล้วก็อยากทำให้ตัวเองรู้สึกว่า ไม่ใช่มีแค่ฉันคนเดียวใช่ไหมที่รู้สึกแบบนี้” 

ทำไมถึงอยากร่วมงานกับ Peace Please Studio ในการทำ “Read Rest Recover | Mental Health Retreat”

“เจนกำลังมองหาว่าเราควรจัดกิจกรรมอะไรที่ Rain Tree Residence Hotel ที่ผ่านมาเรามี Wellness for Senior ซึ่งเกี่ยวข้องกับการฝึกสติ (Mindfulness) โภชนาการ การออกกำลังกาย ไม่ได้เน้นเรื่องสุขภาพจิตจ๋า ๆ แต่ก็ถือว่าเป็นการช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดีของผู้สูงวัยทางอ้อม เพราะว่าคนวัยเกษียณส่วนใหญ่มักนั่งอยู่ที่บ้านเฉย ๆ นั่งดูทีวี นั่งเล่นไลน์ พอเราจัดกิจกรรมที่เป็นการดึงให้เขาออกมาจากบ้าน มันก็เป็นการส่งเสริมสุขภาพจิตให้เขา เพราะเจนว่าผู้สูงวัยก็เป็นซึมเศร้ากันเยอะ อีกด้านหนึ่งคือจะเป็นการจัดค่ายให้เด็กไปเลย อย่างล่าสุดเรามีกิจกรรมให้เด็กเล็กมารู้จักอารมณ์ แต่มันไม่ได้เป็นการเรียนรู้เรื่องสุขภาพจิตตรง ๆ ค่ะ อีกอย่างคือเรายังไม่มีกิจกรรมสำหรับวัยที่อยู่ระหว่างนั้น ซึ่งคือวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ จนได้มาเจอสิ่งที่ Peace Please Studio ทำ ก็รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ดีและน่าสนใจนะคะ เพราะก่อนหน้านี้ยังไม่มีทางเลือกในการดูแลจิตใจแบบนี้นะคะ และมันตรงกับสิ่งที่นานมีบุ๊คส์อยากจะทำ เจนมองว่าการที่เราจะทำ Retreat ให้มีคุณค่า เราต้องมีประเด็นชัดเจน และมีกิจกรรมที่จะทำให้ได้รับประสบการณ์ที่หาที่ไหนไม่ได้ เราก็เลยลองมาคุยกัน อีกด้านหนึ่งคือเรามองว่าเราไม่สามารถเติบโตได้ด้วยคนเดียว เราชอบการทำงานกับพาร์ตเนอร์ และสำหรับโปรเจกต์นี้ก็ได้มาพาร์ตเนอร์กับ Peace Please Studio ค่ะ” 

ในอนาคต นานมีบุ๊คส์ และ Rain Tree Residence Hotel มีแผนจะขยับขยายไปในทิศทางไหนบ้าง?

“ถ้าพูดถึงเรื่องสุขภาพจิต เราก็ต้องการขยายพอร์ตฟอลิโอของเราในด้านสุขภาพจิตให้มากขึ้น เราเริ่มจาก
“ซึมเศร้า เล่าได้” ที่เป็นหนังสือเกี่ยวกับสุขภาพจิตเล่มแรกของเรา หลังจากนั้นเราก็มีหลายเล่มเพิ่มมากขึ้น เพราะเรามองว่ามันไม่ได้มีแค่โรคซึมเศร้า มันมีหลาย ๆ โรค และซึมเศร้าก็มีหลากหลายมุมมอง เช่น ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด หรือหนังสือเกี่ยวกับภาวะบกพร่องทางการเรียนรู้ (Learning Disability : LD) สมาธิสั้น หรือออทิสติก จริง ๆ หลายคนมีลูกที่มีภาวะออทิสซึม (Autism) แต่มันไม่มีหนังสือภาษาไทยในตลาดที่เกี่ยวข้องกับภาวะดังกล่าวเลย ไม่มีใครกล้าบอกเพื่อนว่าลูกฉันเป็นออทิสติก เราก็ต้องหาประเด็นที่น่าสนใจและประเด็นที่ยังไม่ได้ถูกหยิบยกมาพูดถึงเรื่อย ๆ อันนี้ก็คือการทำงานของนานมีบุ๊คส์

ในส่วนของ Rain Tree Residence Hotel จริง ๆ ก็เชื่อมโยงกัน อย่างเช่น เราอยากจัดกิจกรรมที่ช่วยพูดถึงประเด็นปัญหาต่าง ๆ เสริมสร้างเยาวชนให้เป็นคนที่มีคุณค่าในอนาคต หรือกิจกรรมสร้างรากฐานที่มั่นคงของครอบครัว ซึ่งมันจะช่วยสร้างความทรงจำที่ดีและช่วยสร้างครอบครัวให้มีความอบอุ่นและมั่นคงในอนาคตค่ะ”

เพราะเรื่องสุขภาวะทางกายและใจเป็นเรื่องที่สำคัญ มาร่วมผ่อนคลายจิตใจ ดื่มด่ำธรรมชาติ ปล่อยวางความเครียด และเรียนรู้ตัวเอง ท่ามกลางความร่มรื่นของเขาใหญ่ ใน “Read Rest Recover | Mental Health Retreat” รีทรีตที่จะนำพาคุณไปสร้างประสบการณ์ในการดูแลตัวเอง นำโดยทีมนักจิตวิทยา นักบำบัด และผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ณ Rain Tree Residence Hotel ในวันที่ 5-7 พฤษภาคม 2566

หากสนใจสามารถสำรองที่นั่งและติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง Inbox เพจ หรือ Line @peaceplease แอดมินของเราพร้อมตอบทุกคำถามทุกข้อสงสัยของคุณ! 🙂