หากฝรั่งมีวลีที่ไล่เด็กให้เลิกจับโทรศัพท์แล้วไปเล่นข้างนอกบ้างอย่าง “Go touch some grass” คนไทยก็มีเหมือนกัน อย่าง “ออกไปชมนกชมไม้ข้างนอกบ้าง” เคยเจอเหตุการณ์นี้กันไหม ผู้ใหญ่ในบ้านโดยเฉพาะผู้สูงวัยมักไล่ลูก ๆ หลาน ๆ ให้ออกไปทำอะไรอย่างอื่นนอกจากเล่นโทรศัพท์และอยู่หน้าคอมกันบ้าง
ทั้ง “Go touch some grass” และ “ออกไปชมนกชมไม้ข้างนอกบ้าง” ต่างสะท้อนให้เราเห็นว่า ผู้ใหญ่ก็มีความกลัวว่าลูก ๆ หลาน ๆ จะติดหน้าจอมากเกินไป จนไม่เป็นอันทำอะไร ซึ่งในแง่หนึ่ง ความเชื่อนี้ก็ไม่ได้ผิดนะ เพราะว่าถ้าหากเราใช้เวลากับเทคโนโลยีมากเกินไปจนไม่ออกไปทำอะไรเลย แน่นอนว่ามันจะส่งผลร้ายมากกว่าผลเสีย อะไรที่มากไปมักไม่ดีทั้งนั้นแหละ
นอกจากนี้ การอยู่กับหน้าจอและโลกอินเทอร์เน็ตมากเกินไปอาจทำให้เราขาดการติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอก จนทำให้ไม่ชินกับการเข้าสังคมก็เป็นได้ ยิ่งโลกของเราเพิ่งผ่านช่วงโควิดที่พากันล็อกดาวน์ทั้งโลกกันมาไม่นานนัก ซึ่งระหว่างนั้น พวกเราส่วนใหญ่จำเป็นต้องใช้ชีวิตอยู่หน้าจอราวกับมันเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เราได้ใช้ชีวิตเหมือนก่อนโควิดจะเกิดขึ้น
โควิดทำให้โลกเปลี่ยนไปตลอดกาล พฤติกรรมของผู้คน การใช้อินเทอร์เน็ต การทำงาน และปัจจุบันนี้ เทคโนโลยีได้เติบโตเร็วขึ้น การอุบัติขึ้นของโควิดคือตัวเร่งชั้นดีที่ทำให้เทคโนโลยีพัฒนาขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งและไปไกลกว่าที่คิด พอโลกหมุนไว (อาจจะไวเกินไปด้วยซ้ำ) การวิ่งตามมันให้ทัน ทั้งเทคโนโลยีใหม่ ๆ เทรนด์ใหม่ ๆ คอร์สพัฒนาตัวเองมากมาย ก็มีเยอะมากเสียจนทำให้เราไม่มีเวลาพักผ่อนเท่าไหร่
วลีง่าย ๆ อย่าง “Go touch some grass” และ “ออกไปชมนกชมไม้ข้างนอกบ้าง” ถึงแม้มันอาจจะฟังดูตลก แต่มันก็ช่วยให้ฉุกคิดได้อยู่หน่อย ๆ ว่า “เอ๊ะ นี่เราอยู่กับหน้าจอนานเกินไปหรือเปล่า” ถ้าอยู่นานมากเกินไปจริง ๆ ลองออกมาพักอยู่ท่ามกลางธรรมชาติเพื่อพักจากความเร่งรีบว่องไวของโลกใบนี้กันสักหน่อย
และแน่นอนว่า การออกมาใช้เวลาข้างนอกบ้างย่อมเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพจิตของเราอีกด้วย มีงานวิจัยพบว่า การออกไปใช้เวลาข้างนอก โดยข้างนอกในที่นี่หมายถึงพื้นที่สีเขียว พื้นที่ทางธรรมชาติต่าง ๆ สวนสาธารณะ รวมไปถึงการทำกิจกรรมข้างนอก อย่างเช่น การปลูกต้นไม้ ดอกไม้ และการเล่นกับสัตว์เลี้ยง สามารถช่วยลดอาการของโรควิตกกังวลและโรคซึมเศร้าได้ อีกทั้งการได้รับแสงแดดจากการใช้เวลาอยู่ข้างนอก ยังทำให้ฮอร์โมนเซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นทั้งฮอร์โมนและสารสื่อประสาทที่มีหน้าที่ในบูสต์อารมณ์ของเรา ทำให้รู้สึกสดใสมากขึ้น เบิกบานใจมากขึ้น และรู้สึกสงบมากขึ้นอีกด้วย
ประโยชน์ของการใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติ
- ทำให้ร่างกายสดชื่นจากการได้รับออกซิเจนมากขึ้น
- รู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น
- ช่วยปรับอารมณ์ ลดความเครียด
- ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้า โรควิตกกัง รวมถึงโรคทางใจอื่น ๆ อีกด้วย
- ได้ผ่อนคลายจากหน้าจอหรือความเครียดต่าง ๆ
- ได้พบเจอเพื่อนใหม่ หรือทำความรู้จักกับคนใหม่ ๆ
- ทำให้ไม่รู้สึกเหงา
ถ้าไม่อยากติดจอมากไปและถ้าอยากมีสุขภาพจิตที่ดี ลอง “Go touch some grass” หรือ “ออกไปชมนกชมไม้ข้างนอกบ้าง” กันบ้างนะ
อ้างอิง