ทำไมเวลาถึงช่วงเทศกาลทีไร รู้สึกเบิกบานใจทุกที?

ทันทีที่ค่ำคืนของวันที่ 31 พฤศจิกายนสิ้นสุดลง และกำลังเข้าสู่วันแรกของเดือนธันวาคม เดือนสุดท้ายของปีที่แวะมาเยือนทีไร หลาย ๆ คนน่าจะเริ่มสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแห่งเทศกาลการเฉลิมฉลอง ความเบิกบานใจ การพบปะสังสรรค์และใช้เวลาร่วมกับคนที่เรารัก รวมถึงเป็นช่วงที่วัยทำงานต่างมีปาร์ตี้บริษัทกันอย่างสนุกสุดเหวี่ยงอีกด้วย ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะไม่ค่อยหนาวเท่าไรนัก แต่คนไทยหลาย ๆ คนก็ยังคงอินกับบรรยากาศเทศกาลคริสต์มาส ที่พ่วงมาด้วยเทศกาลปีใหม่อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง แต่ทุกคนเคยสงสัยไหมว่า ทำไมพอถึงช่วงเทศกาลแบบนี้ทีไร เราถึงรู้สึกมีความสุข ตื่นตัว อยากใช้ชีวิต กระปรี้กระเปร่ามากกว่าปกติ วันนี้เราจะไปหาคำตอบด้วยจิตวิทยากัน!

จริง ๆ ต้องบอกว่า ช่วงเทศกาลแบบนี้มีปัจจัยหลายอย่างมากที่ส่งผลให้ช่วงเทศกาลกลายเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขสำหรับใครหลาย ๆ คน และนี่คือปัจจัยเด่น ๆ ที่เรายกมาให้ทุกคนมาอ่านกัน

5 เหตุผล ทำไมใคร ๆ ก็สุขใจกับช่วงเทศกาล

1. เป็นช่วงวันหยุดยาว

เดือนธันวาคมเป็นช่วงเดือนที่มีวันหยุดค่อนข้างเยอะ กระจายไปในแต่ละสัปดาห์ โดยเฉพาะสัปดาห์สุดท้ายของเดือนที่เป็นช่วงรอยต่อเข้าสู่เดือนมกราคม รวมไปถึงช่วงเดือนเมษายนที่มีเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งพอมีวันหยุดเยอะ แน่นอนว่า หลาย ๆ คนน่าจะได้พักผ่อนมากขึ้น ทั้งจากภาระงานที่หนักหน่วง สังคมที่ท็อกซิก การเดินทางไปทำงานที่เหนื่อยล้า และอื่น ๆ มากมาย ซึ่งการได้พักผ่อนมากขึ้นนี่แหละ ทำให้เราได้ฟื้นฟูสภาพร่างกายและสภาพจิตใจให้รู้สึกดีขึ้นเพื่อไปสู้กับปีหน้านั่นเอง

2. ได้ใช้เวลากับคนที่รัก

ช่วงเทศกาลวันหยุดยาวแบบนี้ หลาย ๆ คนน่าจะกลับบ้าน ไม่ก็ไปเที่ยวกับครอบครัวและคนที่รัก ซึ่งการได้ใช้เวลากับคนเหล่านี้สามารถช่วยเยียวยาสภาพจิตใจของเราได้ดีทีเดียว เพราะเพียงแค่เราอยู่ใกล้กับคนเหล่านี้ เราก็สามารถรู้สึกผ่อนคลายได้โดยง่าย เพราะพวกเขาเป็นเซฟโซนของเรา เป็นพื้นที่ปลอดภัยของเราพวกเขารู้จักเราเป็นอย่างดี และพร้อมให้ความรักเราอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เราสามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างสบายใจ

3. เกิดจากความจำและประสบการณ์

ตอนเด็ก ๆ เราใช้เวลากับเทศกาลเหล่านี้อย่างไร โตมาเราก็จะรู้สึกและมีมุมมองต่อเทศกาลเหล่านั้นเหมือนในตอนเด็กนั่นแหละ หากเราเติบโตมากับการเฉลิมฉลองเทศกาลอยู่เป็นประจำ ก็จะทำให้เราจดจำและมีประสบการณ์ที่ดีกับเทศกาลเหล่านี้ แต่ในทางตรงกันข้าม หากตอนเด็ก ๆ เรามีประสบการณ์ที่แย่ หรือครอบครัวไม่ได้ใส่ใจเฉลิมฉลอง ก็อาจทำให้เรารู้สึกเฉย ๆ กับช่วงเทศกาลก็เป็นได้ ในขณะเดียวกัน การที่เราเติบโตมากับการเสพสื่อหรือซึมซับบรรยากาศการเฉลิมฉลองมาจากที่อื่น เช่น ดูหนังคริสต์มาส ไปห้างมีการตกแต่งแบบคริสต์มาส ซึ่งสื่อและบรรยากาศเหล่านี้สามารถทำให้ผู้คนรู้สึกดีไปพร้อมกับมันได้ และทำให้เรามองว่า เทศกาลเหล่านี้คือเทศกาลแห่งความสุขได้อีกด้วย

4. ได้เป็นผู้ให้และเป็นผู้รับ

การให้และรับของขวัญนั้นถือเป็นธรรมเนียมในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่มาโดยตลอด ซึ่งความรู้สึกของการเป็นผู้ให้และเป็นผู้รับจากธรรมเนียมสามารถนำความสุขมาให้เราได้ ในกรณีที่ผู้ให้และผู้รับต่างให้ความใส่ใจกับของขวัญและอยากส่งต่อความหวังดีผ่านของขวัญ แต่ถ้าหากในบริบทจับสลากของขวัญแบบขำ ๆ กันกับเพื่อน อย่างเช่น ซื้อของขวัญในงบไม่เกิน 20 บาท หรือซื้อของขวัญตามธีมตลก ๆ ก็ส่งผลให้เรามีความสุขได้เช่นกัน เพราะเป็นการได้ใช้เวลาร่วมกับคนที่เราไว้ใจและยังทำให้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากขึ้นอีกด้วย

5. ได้ใช้เวลากับตัวเองมากขึ้น

พอเข้าสู่ช่วงสิ้นปีแบบนี้ หลาย ๆ คนน่าจะได้พักจากความวุ่นวายตลอดปี และได้นั่งพักเพื่อทบทวนเรื่องราวของตัวเองภายในปีนี้ว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง เราได้เรียนรู้อะไรจากปีนี้บ้าง มีอะไรที่เราอยากแก้ไขไหม มีใครที่เราอยากขอบคุณไหม เป็นต้น ซึ่งคำถามเหล่านี้เอง จะช่วยทำให้เราได้เรียนรู้และเข้าใจตัวเองในปีนี้มากขึ้น และถือเป็นการเตรียมตัวสำหรับการใช้ชีวิตในปีหน้าอีกด้วย บางคนอาจเริ่มตั้ง Goal ที่อยากทำให้สำเร็จในปีหน้าด้วย ถึงแม้ว่าปีนี้มันจะมีอุปสรรคบ้าง มีอะไรที่ขัดขวางเราจากความสำเร็จบ้าง แต่เราเริ่มใหม่ได้เสมอ

เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณจะมีความสุขในช่วงเทศกาลนี้ (และช่วงอื่น ๆ ของชีวิตด้วย) ปาร์ตี้ให้สนุก พักผ่อนให้เต็มที่ ใช้เวลากับตัวเองและคนที่รักให้คุ้มค่า แต่อย่าทำอะไรเกินลิมิตของตัวเอง และดูแลตัวเองกันให้ดี

อ้างอิง 

The Psychology of Christmas: Why We Love the Holiday Season. (2023, November 29). OrnamentallyYou.