เพื่อน ๆ เคยรู้สึกกังวลกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น จนหลงลืมการมีความสุขในปัจจุบันบ้างหรือเปล่า? ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ไม่ว่าใครก็ต่างก็เคยรู้สึกพะวงกับอนาคตเป็นบางครั้งบางคราว โดยเฉพาะอนาคตที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สำคัญ อย่างการสัมภาษณ์งาน สอบเข้าโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย มีนัดเดท หรือแม้แต่การไปกินข้าวนอกบ้านในวันสำคัญ ก็สามารถทำให้เกิดความรู้สึกกังวลและความไม่สบายใจขึ้นมาได้
สิ่งนี้เรียกว่า “ความกังวลในอนาคต” (Anticipatory Anxiety) เป็นความกังวลที่เกิดขึ้นเมื่อเรามีเหตุการณ์สำคัญในอนาคตที่ต้องทำ และเรามีความกลัวขึ้นมาว่า เหตุการณ์ในอนาคตนั้นจะออกมาแย่
ถ้าหากความกังวลนี้เริ่มส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตในประจำวันจนเราไม่กล้าทำอะไร นั่นแสดงถึงสัญญาณที่เราควรเริ่มใส่ใจกับอาการนี้ได้แล้ว เพราะอาการนี้สามารถพบได้ในโรคตื่นตระหนก หรือ โรคแพนิก (Panic Disorder) โรควิตกกังวลทั่วไป (Generalised Anxiety Disorder: GAD) และโรควิตกกังวลสังคม (Social Anxiety Disorder: SAD) ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเกี่ยวข้องอื่น ๆ ที่จะทำให้เรารู้สึกพะวงกับอนาคต อย่างเช่น ประสบการณ์แย่ ๆ ในอดีต หรือการใช้ยาทางการแพทย์ในโรคไทรอยด์และโรคหัวใจ ก็สามารถกระตุ้นความกังวลได้เช่นกัน
วิธีรับมือกับความกังวลเบื้องต้น
1. เปลี่ยนจุดโฟกัสเรื่องอนาคต มาใส่ใจกับการดูแลตัวเอง
การหันมาใส่ใจดูแลตัวเอง เช่น การกินอาหารให้ครบสามมื้อ การออกกำลังกายตามความสนใจ สามารถช่วยลดความรู้สึกกังวลได้ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอก็เช่นกัน รวมไปถึงการฝึกหายใจเข้าออกเป็นจังหวะหรือการนั่งสมาธิก็สามารถช่วยลดความรู้สึกกังวลและทำให้รู้ผ่อนคลายมากขึ้น
2. พูดคุยกับตัวเอง
เมื่อเพื่อน ๆ เกิดความรู้สึกกังวล ลองถามตัวเองว่า “มันจะเกิดเรื่องแย่ ๆ ขึ้นจริงไหม?” ถ้าคำตอบคือ “ไม่” ลองเปลี่ยนจุดโฟกัสจากอนาคตมาเป็นปัจจุบัน และหันไปทำสิ่งที่ชอบเพื่อให้รู้สึกมีความสุขกับปัจจุบันขณะมากขึ้น แต่ถ้าหากคำตอบคือ “ใช่” ให้พยายามใจเย็น และนึกถึงคำพูดที่สามารถปลอบประโลมคุณได้ อาจเป็นคำปลอบที่เรามักใช้กับเพื่อน หากแต่เปลี่ยนมาใช้เพื่อปลอบตัวเองให้รู้สึกดีขึ้นนั่นเอง
3. บอกเล่าความกังวลของเรา
ถ้าการปลอบตัวเองยังทำให้เพื่อน ๆ รู้สึกกังวลอยู่ ลองนำความกังวลนี้ไปบอกคนที่ไว้ใจ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ เพื่อน หรือคนรัก เพื่อเป็นการระบายมันออกไป และเพื่อให้พวกเขาช่วยซัพพอร์ตเรา ซึ่งจะช่วยทำให้เรารู้สึกดีขึ้นและช่วยคลายกังวลได้อีกด้วย
แต่ถ้าเพื่อน ๆ ลองมาทุกวิธีแล้ว แต่ยังรู้สึกเป็นกังวลและไม่สบายใจ ลองไปพบจิตแพทย์กันดูนะ เพื่อหาวิธีแก้กันต่อไป เราทุกคนสามารถดีขึ้นได้นะ!