ในวันที่อะไร ๆ ก็ไม่เป็นไปตามที่ใจเราหวัง ความรู้สึกผิดหวังมักเข้ามาแวะเวียนทักทายเราอย่างไม่ขาดสาย ทั้งความรู้สึกผิดหวังต่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น หรือความผิดหวังในตัวเราก็ตามที ชีวิตเรามีทั้งส่วนที่เราควบคุมได้ และในส่วนที่เราควบคุมไม่ได้ แต่ความรู้สึกผิดหวังที่เกิดขึ้นนี้พาลทำให้เรามองว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ผิดพลาดนี้เกิดขึ้นจากตัวเราเองที่ไม่ได้เรื่อง ถึงแม้ว่าเรื่องราวจะผ่านไปแล้ว แต่ความคิดว่าตัวเองไม่ดีพอก็ยังจะติดตัวเราไปอีกนาน และจะไปปรากฏในอีกหลาย ๆ เรื่องในชีวิตเราอีกด้วย
เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เราทุกคนต่างมีข้อบกพร่อง จุดด่างพร้อย และความไม่สมบูรณ์แบบกันเป็นเรื่องปกติ บางคนยอมรับและอยู่กับมันได้อย่างเป็นปกติสุข แต่หลาย ๆ คนก็มีปัญหากวนใจจากสิ่งเหล่านี้ราวกับมันเป็นรอยเปื้อนบนเสื้อสีขาวที่ไม่มีวันซักออก ที่ดูไม่สวยงาม มีข้อบกพร่อง และเผลอ ๆ อาจทำให้อยากโยนทิ้งเสื้อตัวนี้ไปเลยก็ได้ แต่ทว่า เสื้อตัวนี้ไม่มีจุดตำหนิอื่น ๆ แถมมีเนื้อผ้าอย่างดีที่ยังคงใส่ได้นานอีกด้วย การหาทางในการใส่มันอีกหลาย ๆ ครั้งน่าจะคุ้มค่ากว่าโยนมันทิ้งไปเลย
เสื้อตัวนี้ไม่ได้หมายถึงชีวิตคนเราทั้งชีวิตแต่อย่างใด แต่เปรียบเปรยหมายถึงตัวตนของเราในแต่ละมุม แต่ละมิติ และแต่ละด้าน ที่มีข้อบกพร่อง จุดด่างพร้อย และความไม่สมบูรณ์แบบ อันประกอบรวมกันให้กลายมาเป็นตัวตนอย่างที่เราเป็นอยู่ในตอนนี้นั่นเอง
ซึ่งการยอมรับข้อบกพร่อง จุดด่างพร้อย และความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเราเองไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย มีคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องใช้เวลาทั้งชีวิตในการยอมรับและโอบกอดสิ่งเหล่านี้ด้วยความรักและความเข้าใจ วันนี้เราจึงจะมาแนะนำ 5 วิธีในการยอมรับและโอบกอดข้อบกพร่อง จุดด่างพร้อย และความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเราเองให้ได้
5 วิธีในการยอมรับและโอบกอดข้อบกพร่อง จุดด่างพร้อย และความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเราเอง
1. ทำความเข้าใจว่า “มนุษย์ทุกคนต่างไม่สมบูรณ์แบบกันทั้งนั้น”
หลาย ๆ คนมักจะลืมสัจธรรมหรือความจริงของโลกใบนี้ไปว่า “ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ” กันอยู่บ่อยครั้ง ด้วยโลกของเราที่มักมีการนำเสนอภาพแทนที่แสดงออกถึงความสมบูรณ์แบบกันอยู่แทบตลอดเวลา จนลืมไปว่า แท้จริงแล้ว เราไม่เคยสมบูรณ์แบบ เราต่างพยายามให้มากที่สุดเพื่อเข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบแค่นั้นเอง ดังนั้น อย่ากดดันให้ตัวเองสมบูรณ์แบบ เพราะเราไม่มีทางสมบูรณ์แบบได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ สิ่งที่เราควรระลึกไว้คือการทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง
2. เรียนรู้บทเรียนที่เราได้รับจากความไม่สมบูรณ์แบบ
เราสามารถเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างได้จากประสบการณ์ที่เราพบผ่าน และเราสามารถเรียนรู้บทเรียนเหล่านั้นผ่านตัวตนที่ไม่สมบูรณ์แบบของเราได้ อาทิ เราต้องแก้งานที่หัวหน้าขอให้แก้ สิ่งที่เราเรียนรู้ได้จากเรื่องนี้คือการที่เราอาจต้องพยายามทำความเข้าใจเนื้องานให้มากขึ้น มีความรอบคอบมากขึ้น เพื่อให้งานที่ได้มีประสิทธิภาพที่ดีที่สุด หรือเราเลิกกับแฟนมา เราสามารถเรียนรู้จากเรื่องนี้ได้ว่า ความรักที่ผ่านมามีสิ่งไหนที่เราอยากแก้ไขตัวเอง หรือเราอยากให้ความสัมพันธ์ครั้งต่อไปเป็นแบบไหน ต้องคุยกับแฟนคนถัดไปแบบไหนเพื่อให้ได้คบกันนาน ๆ เป็นต้น ซึ่งความไม่สมบูรณ์แบบของเราต่างช่วยให้เราขัดเกลาตัวเองและกลายเป็นคนที่เก่งขึ้นได้นั่นเอง
3. มองภาพรวมให้มากขึ้น
เรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเรื่องที่สำคัญก็จริง แต่บางทีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ทำให้เรารู้สึกไม่พอใจในชีวิตขึ้นมาได้ เช่น เราทำงานได้ดีมาตลอด แต่มันมักจะมีงานของลูกค้ารายหนึ่งที่เราทำได้ไม่ดีมาตลอด และอาจต้องใช้ความพยายามทุ่มเทมากกว่างานอื่น ๆ ถึงแม้มันจะเป็นงานเดียวก็จริง แต่ก็ทำให้เราเสียความมั่นใจในฝีมือตัวเองไปไม่ใช่น้อย ลองปรับมุมมองมาว่า ในหนึ่งปีเราทำงานมาหลายร้อยโปรเจกต์ แต่มีเพียงโปรเจกต์นี้โปรเจกต์เดียวเท่านั้นที่เราทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งมันเป็นเพียงแค่งานเดียวเท่านั้น ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกงานที่เราทำ และต่อให้เรามองว่าเราทำได้ไม่ดี แต่มันก็ออกมาดีไม่มีปัญหาใด ๆ แม้แต่นิดเดียว ให้มองภาพรวมไว้ว่า เรายังทำได้ดีอยู่ จะทำให้เรารู้สึกโอเคกับตัวเองมากขึ้น
4. ให้รางวัลและปลอบโยนตัวเองในวันที่รู้สึกไม่สมบูรณ์แบบ
หนึ่งปีมี 365 วัน การมีวันแย่ ๆ บ้างก็เป็นสิ่งธรรมดาสามัญที่เกิดขึ้นได้ คนเราไม่มีทางที่จะมีวันที่ดีได้ทุกวัน 365 วัน หากวันใดรู้สึกแย่ และมันดันพาลทำให้เรารู้สึกผิดหวังกับตัวเอง โทษตัวเอง และโกรธเกลียดข้อบกพร่อง จุดด่างพร้อย และความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเราเองขึ้นมา ถ้ารู้สึกแบบนี้ ให้เราลองหารางวัลเพื่อปลอบใจตัวเอง อาจจะไปทำกิจกรรมอื่นเพื่อฟื้นฟูเยียวยาความรู้สึกตัวเอง เช่น ไปร้องคาราโอเกะ ไปบ่นกับเพื่อน ไปหาของหวานอร่อย ๆ กิน ไปดูหนัง ไปเที่ยวต่างถิ่น และที่สำคัญ อย่าลืมบอกตัวเองว่าไม่เป็นไร รอบหน้าเราจะจัดการกับมันได้ดีขึ้น
5. เข้ารับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ
การยอมรับและโอบกอดข้อบกพร่อง จุดด่างพร้อย และความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเราเองไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำมันได้อย่างง่ายดาย บางครั้งการมีตัวช่วยหรือที่ปรึกษาจะช่วยให้เรายอมรับและโอบกอดสิ่งเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น ซึ่งสามารถทำได้โดยการขอเข้ารับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะเป็นนักจิตวิทยา นักบำบัด หรือจิตแพทย์ บุคลากรเหล่านี้ต่างได้รับการฝึกฝนเกี่ยวกับการให้คำปรึกษาทางจิตวิทยามาเป็นอย่างดี ซึ่งจะช่วยให้เราได้ปลดปล่อยความกังวลของตัวเราเอง และอาจได้มุมมองใหม่ ๆ กลับมาจากการเข้ารับคำปรึกษาอีกด้วย
กว่าที่เราแต่ละคนจะยอมรับและโอบกอดข้อบกพร่อง จุดด่างพร้อย และความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเราเองได้โดยไม่มีข้อแม้นั้นใช้ระยะเวลาแตกต่างกันออกไป บางคนใช้เวลาไม่มาก แต่บางคนอาจใช้เวลาทั้งชีวิตในการรับมือกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อข้อบกพร่อง จุดด่างพร้อย และความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเราเองปรากฏขึ้นมา เราไม่จำเป็นต้องรีบร้อนหรือรีบเร่งในการยอมรับมันให้ได้ ให้เวลาตัวเอง และค่อย ๆ เรียนรู้ที่จะยอมรับและโอบกอดมันไป เรื่องแบบนี้เป็นเหมือนบทเรียนชีวิตที่เราต้องค่อย ๆ ทำความรู้จักและเข้าใจมันทีละเล็กละน้อยไปตามระยะเวลาของแต่ละคน
อ้างอิง
Embrace imperfection: six ways to celebrate your flaws. (2001, February 15). happiness.com.