ตื่นเช้ามาเดี๋ยวก็ต้องไปทำงานที่เรารักกันแล้ว แค่คิดว่าตื่นมาต้องไปทำงาน หลาย ๆ คนก็รู้สึกอยากจะกลับไปนอนต่อแล้วใช่ไหมล่ะ? จะลางานเพราะปวดท้องทั้ง ๆ ที่แค่ขี้เกียจก็ไม่ได้ อยากเป็นเศรษฐีไม่ต้องทำงาน แต่ซื้อล็อตเตอรี่ไปหลายสิบใบก็ไม่ถูกสักที แล้วเมื่อไหร่พ่อกับแม่จะเฉลยสักทีว่าจริง ๆ แล้วเป็นเศรษฐี/เศรษฐิณีรายใหญ่ของประเทศ!?
ในเมื่อความจริงแล้วเราก็เป็นมนุษย์คนนึงที่ยังต้องทำงานเพื่อไปต่อเติมความฝันและเอาชีวิตรอดต่อไป แต่กว่าจะไปถึงวันนั้นได้ ระหว่างนี้ก็ใช้ชีวิตในทุก ๆ วันให้ดีที่สุดกัน! วันนี้เราจึงอยากชวนลองมาทำ Morning Routine หรือกิจวัตรยามเช้า ที่จะช่วยให้การตื่นไปทำงานรู้สึกดีขึ้นกว่าแต่เก่ากันสักหน่อย เพื่อให้ร่างกายและจิตใจของเราสดใสตั้งแต่เช้า อีกทั้งจะช่วยอัปเอเนอร์จี้ให้เราแฮปปี้ไปถึงตอนเย็นกัน!
1. เช็กความรู้สึกหลังตื่นนอน
เมื่อร่างกายโดนปลุกจากเสียงนาฬิกาปลุก เราค่อย ๆ ลืมตาตื่นจากการนอนหลับ สิ่งแรกที่หลาย ๆ คนทำคือการหยิบโทรศัพท์มาดูว่ากี่โมงแล้ว และอาจจะเผลอเช็กโซเชียลของตัวเองนิด ๆ หน่อย ๆ จนทำให้เริ่มกิจวัตรในตอนเช้าสาย ลองเปลี่ยนจากเช็กโทรศัพท์มาเป็นการเช็กตัวเองสักหน่อย เช็กความรู้สึก เช็กเอเนอร์จี้ของตัวเราเองว่าเมื่อคืนได้นอนพอไหม ฝันอะไรหรือเปล่า รู้สึกยังไงกับเช้าวันนี้ เป็นต้น เพราะการได้อยู่กับตัวเองจะช่วยให้เราเริ่มต้นวันได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ช่วยให้เรามีสติในการเริ่มต้นวัน และช่วยทำให้เราโฟกัสกับตัวเองได้ดีขึ้นอีกด้วย
2. ข้อความเรื่องงานกับโซเชียลเอาไว้ทีหลังก็ได้
เพราะหลาย ๆ คนน่าจะจับโทรศัพท์ทันทีหลังลืมตาจากการตื่นนอน จนเผลอแอบเช็กแจ้งเตือนเรื่องงาน เช็กข้อความจากโซเชียลต่าง ๆ ซึ่งพอเช็กไปเรื่อย ๆ ก็จะหยุดไม่ได้ ก็จะหาอะไรดูไปเรื่อย ๆ อีก จนทำให้เราไม่ได้โฟกัสกับกิจวัตรยามเช้าของเรา จริง ๆ แล้วเราสามารถเช็กสิ่งเหล่านี้ในเวลาที่เรากำหนดได้ เช่น ค่อยเช็กหลังจากอาบน้ำ หลังจากกินน้ำ หรือเช็กระหว่างเดินทางไปทำงานก็ได้ ช่วงเวลาหลังตื่นนอนเราควรให้ความสำคัญกับตัวเองก่อนนะ ไม่ใช่เรื่องในจอ
3. ตั้งสติ ทำ Mindfulness
ถ้าหากตื่นมาแล้วยังมีเวลาว่างพอ เพียงแค่ 10 นาทีก็ได้ เราอยากให้ลองมาฝึกสติกัน การฝึกสติ หรือ Mindfulness อย่างเช่น การนั่งสมาธิ การฝึกโยคะ การฝึกหายใจ การไปเดินเล่นในสวน ซึ่งการได้อยู่กับตัวเองแบบนี้จะช่วยให้เราโฟกัสกับตัวเองได้ดีขึ้น ได้ฝึกสมาธิใช้เวลากับตัวเอง และได้เริ่มต้นวันอย่างมีสติ พอเราเริ่มต้นวันอย่างมีสติได้จะเป็นการช่วยปรับอารมณ์และความรู้สึกของเราให้อยู่ในระดับที่คงที่ ช่วยให้เราพร้อมไปจัดการกับเรื่องวุ่นวายในชีวิตจริงอย่างเต็มที่!
4. ขยับร่างกาย Exercise สักหน่อย
ถ้ายังมีเวลาต่ออีกหน่อย เราอยากชวนมาให้ทุกคนมาออกกำลังกายในตอนเช้ากัน ไม่จำเป็นจะต้องเป็นการออกกำลังกายชุดใหญ่ที่ทำให้เหนื่อยจนไม่อยากไปทำงาน แต่เป็นการออกกำลังกายเบา ๆ เป็นการขยับตัว การยืดเส้นยืดสาย จะทำบนเตียงหรือลุกออกมาทำข้างนอกก็ย่อมได้เช่นกัน เพราะการได้ขยับตัวจากการนอนนิ่งทั้งคืนจะช่วยให้ร่างกายเราตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า ช่วยกระตุ้นการทำงานของฮอร์โมนแห่งความสุขอย่างเซโรโทนิน (Serotonin) และเอ็นโดฟิน (Endophins) ช่วยให้รู้สึกพร้อมที่จะเริ่มต้นวันได้มากขึ้นอีกด้วย
5. กินข้าวและดื่มน้ำให้เพียงพอ
อาหารคือแหล่งที่มาของพลังงาน ยิ่งในตอนเช้าที่เราจะมีหลายสิ่งหลายอย่างให้ต้องทำ เพื่อเตรียมตัวรับมือกับการทำภารกิจเหล่านั้น เราจำเป็นต้องกินข้าวเข้าเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอ และให้ร่างกายเราเรามีพลังงานให้ดึงไปใช้อย่างเหมาะสม มื้อเช้าเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่สำคัญยิ่งกว่าคือการดื่มน้ำ ร่างกายมนุษย์เราประกอบไปด้วยน้ำกว่า 70%! ในฐานะที่ร่างกายเรามีน้ำเยอะขนาดนี้ แน่นอนว่า เราขาดน้ำไม่ได้ ยิ่งตอนนอนร่างกายเราก็ดึงน้ำไปทำงานอีกด้วย ตื่นมาเราเลยรู้สึกกระหายน้ำ นอกจากนี้ การดื่มน้ำยังช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ กระตุ้นให้เกิดการขับถ่ายที่ดีในทุก ๆ เช้าอีกด้วย
หวังว่ากิจวัตรยามเช้าทั้ง 5 ข้อนี้จะเป็นประโยชน์และทำให้ทุกคนมีเช้าที่สดใสมากขึ้น ถ้าเราเริ่มต้นวันได้ดี เราก็จะมีวันที่ดีไปด้วยเหมือนกัน Have a nice day! 🙂
อ้างอิง
Wheeler, C. (2023, July 22). Creating A Morning Routine: The Psychology Behind Success.