ก่อนที่เราจะมาทำงาน 5 วันต่อสัปดาห์กันอย่างทุกวันนี้ คนสมัยก่อนทำงานทุกวัน หรือ 7 วัน/สัปดาห์มาก่อน จนกระทั่งลดลงมาเหลือ 6 วัน และ 5 วันตามลำดับ จนไม่กี่ปีมานี้ เริ่มมีคนพูดถึงการทำงาน 4 วัน/สัปดาห์และมีหลายประเทศได้เริ่มนำแนวคิดนี้ไปทดลองใช้กันมากขึ้น เพื่อให้พนักงานได้จัดสรรเวลาพักผ่อน ออกไปใช้ชีวิต และให้มี Work-Life Balance ที่ดีขึ้น
แนวคิดการทำงาน 4 วัน/สัปดาห์ เริ่มมีการทดลองใช้จริง ๆ ในช่วงปี 2015-2019 ที่ผ่านมา โดยประเทศไอซ์แลนด์เป็นประเทศแรกที่ได้นำแนวคิดทำงาน 4 วัน/สัปดาห์มาทดลองใช้ในหน่วยงานและบริษัทต่าง ๆ ผลปรากฏว่า พนักงานมีความเครียดและรู้สึก Burnout น้อยลง นำมาสู่การมี Work-Life Balance ที่ดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีบางหน่วยงานรัฐที่ไม่ประสบความสำเร็จในการทดลองครั้งนี้
ต่อมาได้มีการทดลองในประเทศอื่น ๆ อย่างเช่น ประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และอีกหลากหลายประเทศ พบว่า การทำงาน 4 วัน/สัปดาห์ ภายใต้โมเดล 100 : 80 : 100 ซึ่งก็คือ 100 แรกคือมีการให้เงินเดือนเต็มจำนวนเช่นเดิม 80 คือเวลาการทำงานที่ลดลง และ 100 คือประสิทธิภาพในการทำงานที่พนักงานทำได้ ซึ่งโมเดลนี้ทำให้พนักงานมีความสุขกับการทำงาน มีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายบางส่วนของพนักงานและองค์กร เช่น ค่าไฟ ค่าเดินทาง ได้อีกด้วย
แล้วการมีวันหยุดเพิ่มจาก 2 วันเป็น 3 วันจะดีขึ้นตรงไหน และดีขึ้นกับสุขภาพจิตอย่างไร? เราคิดว่ามนุษย์วัยทำงานหลาย ๆ คนน่าจะมีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า การหยุดเพียง 2 วัน/สัปดาห์อาจไม่เพียงพอเท่าไรนัก เพราะบางคนมีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบในวันหยุด เช่น ทำงานบ้าน เคลียร์บ้าน ออกไปทำธุระที่วันทำงานทำไม่ได้หรือไปไม่ทัน เช่น ไปธนาคาร ไปหาหมอ ไปยื่นเอกสารต่าง ๆ ทำให้เราจะเหลือวันหยุดเพียง 1 วันเท่านั้น ซึ่งไม่น่าจะเพียงพอในการพักผ่อนอย่างเต็มที่เท่าไรนัก การเพิ่มวันหยุดเป็น 3 วันอาจช่วยให้ได้มีเวลาพักจริง ๆ เพิ่มขึ้นมาก็เป็นได้
สำหรับใครบางคนที่กำลังจะบอกว่า ทำไมไม่ไปหาเวลาพักร้อนแทน การใช้ชีวิตเพื่อรอคอยวันพักร้อนอย่างเดียวฟังดูเป็นสิ่งที่น่าหดหู่ใจอยู่ไม่น้อย เพราะเหมือนกับว่าเราจะทำงานเพื่อรอวันหยุดพักร้อนอย่างเดียว แต่ถ้าหากเรามีวันหยุดพักผ่อนเพิ่มขึ้นในทุกสัปดาห์ตลอดทั้งปี มันอาจช่วยให้เราได้พักผ่อนอย่างแท้จริงมากขึ้น สม่ำเสมอมากขึ้น และจัดการเวลาชีวิตได้ง่ายกว่าการรอไปหยุดช่วงพักร้อนทีเดียว
แน่นอนว่า การทำงาน 4 วัน/สัปดาห์ส่งผลดีต่อสุขภาพจิตได้จริง แต่การจะนำมันมาปรับใช้ให้เป็นมาตรฐานโลกอาจเป็นเรื่องที่ยังมีความท้าทายอยู่ ท่ามกลางปัจจุบันที่เศรษฐกิจโลกถดถอย แรงงานกำลังจะมีจำนวนลดลง องค์กรยังคงต้องการคนทำงานอยู่ และการทำงาน 4 วัน/สัปดาห์เป็นสิ่งที่พนักงานโหยหา ด้วยการที่ความต้องการของแต่ละส่วนไม่ตรงกัน ทำให้การทำงาน 4 วัน/สัปดาห์ ยังเป็นเรื่องที่ทำได้ยากอยู่ แต่ก็ถือว่าเป็นแนวทางที่น่าสนใจในการปฏิวัติชีวิตการทำงานของผู้คนยุคใหม่ให้มาใส่ใจกับเวลาพักมากขึ้น เพราะสุขภาพใจและสุขภาพกายเป็นเรื่องสำคัญ การทำงานหนักมากเกินสามารถส่งผลให้ร่างกายเราทรุดโทรมและอาจไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเคย
อ้างอิง