Self-Love ใคร ๆ ก็บอกให้รักตัวเอง แต่การรักตัวเองทำได้ยังไงบ้าง? มาหาคำตอบกัน

ต่อให้ไม่มีแฟน หรือไม่มีใครมอบความรักให้ เราก็ต้องรักตัวเองนะ

“รักตัวเอง” สิ่งที่ใครต่อใครต่างก็คอยเฝ้าบอกกันอยู่ตลอด เราทุกคนต่างรู้ว่าเราต้องรักตัวเอง แต่ไม่มีใครเคยบอกหรือในตำรามีสอนว่าการรักตัวเองคืออะไร รักตัวเองของฉันและรักตัวเองของเธอเหมือนกันหรือแตกต่างกันไหม การรักตัวเองมีถูกมีผิดไหม และมันทำอย่างไรได้บ้าง วันนี้ Peace Please จะพาไปหาคำตอบกัน

Self-Love คืออะไร?

หากนิยามความรักของเราแต่ละคนแตกต่างกันฉันใด นิยามการรักตัวเองก็แตกต่างกันฉันนั้น บางคนอาจมองว่าการพยายามทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จคือการรักตัวเองรูปแบบหนึ่ง บางคนมองว่าแค่ตอนนี้ได้กินกับข้าวมื้ออร่อยกับคนที่รักก็มีความสุขเพียงพอสมกับเป็นการรักตัวเองแล้ว ในแง่ของการปฏิบัติของแต่ละคน แน่นอนว่านิยามการรักตัวเองคงไม่เหมือนกัน แต่ถ้าหากพูดถึงเรื่องแก่นหลักหรือหัวใจความสำคัญของการรักตัวเองแล้ว นิยามของมันคงหนีไม่พ้นการทำให้ตัวเองได้รับความรักจากตัวเราเอง โอบกอดตัวเองด้วยความห่วงใยและความเข้าใจ มีการรู้จักตัวตนของตัวเองเป็นอย่างดีมากพอที่จะทำสิ่งดี ๆ ให้ตัวเอง โดยที่ทำให้ร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณของตัวเองรู้สึกดีและมีความสุขไปด้วย  

ซึ่งในบางครั้งบางที บางคนอาจตีความคำว่า “รักตัวเอง” ร่วมกับความหวังดีและความคาดหวังต่อตัวเองที่สูงไป เช่น เราอยากให้ตัวเองมีอนาคตที่ดีจึงมุ่งทำงานอย่างเดียว 18 ชั่วโมงต่อวันเพื่อให้ตัวเองได้รับความรู้หลาย ๆ อย่างในการนำไปประกอบอาชีพ ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วการทำงานโดยไม่ได้พักผ่อนอย่างเหมาะสม จะเกิดโทษมากกว่าผลดี ต่อให้เรามีเงินมากขึ้นในอนาคต แต่มันก็อาจแลกมาด้วยสุขภาพที่แย่ลงจนฟื้นฟูไม่ได้เช่นกัน ดังนั้น การรักตัวเองควรมีการรักษาสมดุลระหว่างการดูแลร่างกาย จิตใจ จิตวิญญาณ ร่วมกับปัจจัยอื่น ๆ ในชีวิตของเรา เช่น ความคาดหวัง ความฝัน หน้าที่การงาน เป็นต้น เพื่อเราจะได้ประคับประคองตัวเองให้ไปต่อได้กับสิ่งที่เราอยากเป็นหรืออยากทำในอนาคตต่อไปนั่นเอง 

10 วิธีการฝึก Self-Love ฝึกรักตัวเอง 

เพราะวิธีการรักตัวเองไม่ได้มีสอนกันง่าย ๆ เราจึงรวบรวม 10 วิธีการฝึก Self-Love ฝึกรักตัวเอง ให้ได้มาลองกัน

1. ใช้เวลากับตัวเอง

การอยู่คนเดียวไม่ใช่เรื่องที่แย่หรือเรื่องที่น่าอายเลย การได้ใช้เวลากับตัวเองจะช่วยให้เราได้มีโอกาสเช็กตัวเองในหลาย ๆ ด้าน เช่น เช็กความรู้สึก ได้นั่งคิดทบทวนเกี่ยวกับตัวเอง หรือทำกิจกรรมที่ชอบด้วยตัวคนเดียว เช่น วาดรูป ระบายสี ดูหนัง ฟังเพลง โดยที่ไม่มีสายตาคนนอกมาคอยสอดส่องพฤติกรรมของเรา ทำให้เราได้เป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่ในพื้นที่ของตัวเอง เพียงได้เป็นตัวของตัวเองก็ถือว่าเป็นวิธีบอกรักตัวเองรูปแบบหนึ่งแล้ว 

2. ให้อภัยตัวเอง

เราทุกคนต่างมีข้อบกพร่อง จุดด่างพร้อย หรือข้อผิดพลาดเป็นเรื่องปกติ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบและไม่มีใครดีเลิศไร้ที่ติกันหมด บางวันเราอาจทำงานได้ดีมาก ๆ แต่อีกวันหนึ่งเราก็อาจทำงานไม่ถูกใจลูกค้าเลยก็ได้เช่นกัน ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติที่ชีวิตมีขึ้นมีลง มีทำดีบ้างทำผิดบ้างเป็นเรื่องปกติ แต่เราไม่ควรนำข้อผิดพลาดนั้นมากำหนดชีวิตหรือตัวตนของเราว่าเราเป็นคนที่ไม่ได้เรื่อง ให้อภัยตัวเองและให้โอกาสตัวเองได้ผิดพลาดบ้าง เพราะสิ่งเหล่านี้นี่แหละที่จะทำให้เราโตขึ้นและพัฒนามากขึ้น 

3. ชมตัวเองบ้าง

มีใครคิดว่าการชมตัวเองเป็นเรื่องแปลกไหม? มันอาจฟังดูแปลกในแง่ของบริบทวัฒนธรรมไทยที่มักมองว่าคนที่พูดจายกยอตัวเองให้คนอื่นฟังนั้นเป็นคนหลงตัวเอง แต่การพูดชมตัวเองอย่างจริงใจโดยที่ไม่เป็นการพูดให้ผู้อื่นฟังนั้นเป็นสิ่งที่แตกต่างกัน การที่เราชมตัวเองคือการให้กำลังใจตัวเองรูปแบบหนึ่งและเป็นวิธีที่ช่วยทำให้เรารู้สึกดีกับตัวเองรูปแบบหนึ่ง เช่น เราชมตัวเองว่าเราเป็นคนเก่งหลังจากทำงานเสร็จแล้ว การมีทัศนคติที่ดีต่อตัวเองจะช่วยให้เรารู้สึกดีและมีความสุขกับตัวเองได้ ซึ่งเป็นวิธีการรักตัวเองรูปแบบหนึ่งเช่นกัน

4. ปล่อยตัวเองให้รู้สึกบ้าง

หลาย ๆ คนอาจจะชินชากับการกดความรู้สึกนึกคิดของตัวเองให้อยู่ภายในและไม่แสดงออกมา ซึ่งการเก็บกดความรู้สึกของตัวเองเป็นระยะเวลานาน ๆ นั้นจะส่งผลให้เรารู้สึกเครียดและกดดันขึ้นมาได้ และสามารถนำไปสู่ผลกระทบทางด้านอื่น ๆ เช่น พฤติกรรม ร่างกาย และแน่นอนว่า ส่งผลต่อสภาพจิตใจได้โดยตรง เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเราเองรู้สึกเก็บกดจนนำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ ให้โอกาสตัวเองได้รู้สึกสิ่งที่ตัวเองรู้สึกโดยไม่ต้องรู้สึกกลัว ปล่อยให้ตัวเองรู้สึก และเรามีหน้าที่รับรู้ถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้น เพราะอารมณ์และความรู้สึกเป็นสิ่งชั่วคราว มันเกิดขึ้นกับเรา แต่ไม่นานมันก็จะหายไปและเปลี่ยนเป็นอารมณ์ความรู้สึกอันใหม่วนเวียนกันไปตลอดทั้งวัน

5. ออกกำลังกาย

การออกกำลังกายถือเป็นสิ่งที่สร้างประโยชน์ต่อตัวเราได้อย่างครอบจักรวาล เพราะมันสามารถส่งผลต่อสุขภาพกายได้โดยตรง และส่งผลต่อสุขภาพใจได้อีกด้วย เพราะขณะออกกำลังกาย ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนเอนโดฟินมากขึ้น ทำให้ร่างกายตื่นตัว เลือดสูบฉีดมากขึ้น และช่วยทำให้เรารู้สึกมีความสุขหลังออกกำลังกาย ร่างกายแข็งแรง จิตใจก็รู้สึกเบิกบานตามไปด้วย ออกแรงเพียงหนึ่งกิจกรรมแต่ได้ผลประโยชน์ทั้งสองด้านเลย

6. ทานอาหารที่เป็นประโยชน์

อาหารทุกอย่างล้วนเป็นประโยชน์หมด แต่จะมีประโยชน์มากหรือประโยชน์น้อยนั้นก็เป็นเรื่องของสารอาหารที่อยู่ภายในอาหารเหล่านั้นกันต่อไป อาหารที่เป็นประโยชน์มาก อาทิ ผัก ผลไม้ ปลา ถั่ว นม ไข่ อาหารง่าย ๆ ที่ให้ประโยชน์มากมายแก่ร่างกาย การกินสิ่งง่าย ๆ เหล่านี้อย่างเป็นประจำก็สามารถทำให้เรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงได้ง่าย ๆ ตามไปด้วย เมื่อร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บปวดง่าย ก็ทำให้จิตใจเราไม่เศร้าหมองได้ง่ายอีกด้วย

7. ตามใจตัวเองบ้าง

1 ปีมี 365 วัน เราคงไม่ได้มีวันที่ดีทุกวันกันใช่ไหม? วันที่แย่เกิดขึ้นได้เป็นเรื่องปกติธรรมดา เมื่อเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นไปแล้ว บางครั้งเราอาจแก้อะไรไม่ได้เลย อดีตก็คืออดีต สิ่งที่เราทำได้คือการจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง เมื่อเรารู้สึกไม่ดี การปล่อยให้ตัวเองได้ทำอะไรตามใจสักอย่าง เช่น กินบุฟเฟ่ต์ร้านโปรด กินไอติมรสโปรด การไปร้องคาราโอเกะ การหนีไปเที่ยวต่างจังหวัด การลางานเพื่อพักผ่อน เป็นต้น การทำตามใจตัวเองเล็ก ๆ น้อย ๆ สามารถทำให้เรารู้สึกดีขึ้นกับชีวิตได้ และอาจช่วยพาเราหาทางออกที่ดีกว่าเดิมได้ด้วยก็ได้เช่นกัน

8. ใช้เวลากับคนที่รัก

คนรัก เพื่อน พ่อแม่ พี่น้อง ครอบครัว ปู่ย่าตายาย หรือใครก็ตามที่เราเคยได้มอบความรักและได้รับความรัก เพียงการได้ใช้เวลากับพวกเขาก็เหมือนได้ฟื้นฟูพลังกายและพลังใจ ได้รับและได้ส่งต่อความรู้สึกดี ๆ ให้กันและกันอย่างเป็นประจำ เรื่องง่าย ๆ เท่านี้ก็เป็นวิธีรักตัวเองรูปแบบหนึ่งด้วยเช่นกัน เพราะการได้อยู่แวดล้อมไปด้วยคนที่เรารักและรักเราจะช่วยทำให้เรามีความสุขได้มากขึ้นนั่นเอง

9. มีขอบเขตกับคนอื่น 

ในชีวิตเราแต่ละคน เราต่างพบเจอกับคนมากหน้าหลายตา แต่ละคนก็มีนิสัยและรายละเอียดแตกต่างกันไป เราได้เจอทั้งคนที่ดีกับเราและทำไม่ดีกับเรา คนที่เราสนิทใจด้วยกับคนที่เราไม่กล้าเปิดใจให้ คนที่ใจดีกับเราและคนที่มาหาประโยชน์กับเรา เมื่อใดก็ตามที่เรารู้สึกว่าคน ๆ นี้เริ่มก้าวเข้ามาล้ำเส้นมาทำร้ายความรู้สึกของเราได้ การวางขอบเขตกับคนนั้น ๆ ไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิดเลย การปกป้องความรู้สึกตัวเองและพื้นที่ของตัวเองเป็นเรื่องปกติ ซึ่งมันเป็นวิธีการดูแลตัวเองรูปแบบหนึ่งและเป็นวิธีการรักตัวเองรูปแบบหนึ่งอีกด้วย

10. พัฒนาตัวเอง

การพอใจตัวเองในเวอร์ชันปัจจุบันเป็นเรื่องที่ดี แต่การกลายเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีกว่าเดิมก็เป็นเรื่องที่ดีกว่าเช่นกัน การพัฒนาตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันข้อดีหรือขัดเกลาข้อเสีย สิ่งเหล่านี้ต่างทำให้เรากลายเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิมได้ทั้งหมด เพราะการพัฒนาตัวเองคือการเดินไปข้างหน้า มุ่งเดินหน้าให้ตัวเองได้กลายเป็นคนที่ดีขึ้น เก่งกาจขึ้น และเป็นเวอร์ชันที่พัฒนากว่าเดิม ซึ่งการทำสิ่งเหล่านี้ก็ถือว่าเป็นวิธีการรักตัวเองเช่นกัน

วิธีการฝึก Self-Love ฝึกรักตัวเองทำได้หลากหลายมาก เพียงยึดหลักของการทำให้ตัวเองมีความสุขทางด้านร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณได้ เพียงเท่านี้ก็ถือเป็นวิธีการรักตัวเองแล้ว