สังคมเราประกอบไปด้วยผู้คนที่มีความพิเศษเฉพาะตัว เราผ่านพบประสบการณ์ที่หลากหลาย และมีเรื่องราวร้อยพันเรื่องที่ประกอบให้เราเป็นเราในวันนี้แตกต่างกัน ทำให้เราล้วนมีลักษณะนิสัยและมีความพิเศษที่เฉพาะตัว เป็นเสน่หของความแตกต่างหลากหลายของแต่ละคน
จากงานวิจัยและการศึกษาเกี่ยวกับลักษณะนิสัยของคนแต่ละคน พบว่าบนโลกใบนี้มีลักษณะนิสัยเป็นร้อยรูปแบบ วันนี้ Peace Please ขอหยิบยกลักษณะนิสัยหนึ่งที่น่าสนใจที่เรียกว่า “Altruism” มาให้ได้อ่านกัน
Altruism คืออะไร?
Altruism เป็นลักษณะนิสัยที่ “พร้อมทำเพื่อผู้อื่น โดยไม่มีความเห็นแก่ตัว” เรียกได้ว่า เป็นคนที่มีแต่ความบริสุทธิ์ใจที่ต้องการทำให้ชีวิตของผู้อื่นดีขึ้นอย่างแท้จริง ยกตัวอย่างเวลาเราเห็นคนอื่นที่กำลังลำบากอยู่ เช่น ที่บ้านไฟไหม้จนไม่เหลืออะไรเลย หรือคนที่ยากไร้ไม่มีทางไปในชีวิต จะทำให้เรารู้สึกอยากยื่นมือเข้าไปช่วยเพื่อให้พวกเขาสามารถตั้งตัวได้อีกครั้ง เป็นการให้ความช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความเต็มใจ โดยที่เราไม่รู้สึกว่าเราเสียเปรียบหรือต้องการเรียกร้องอะไรจากพวกเขา หวังแค่เพียงให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเพียงอย่างเดียว แน่นอนว่า ในสังคมไทยที่มีปัจจัยด้านความศรัทธาต่อศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่งผลให้เราหลาย ๆ คนก็มีลักษณะนิสัยแบบนี้ไปโดยปริยาย และยิ่งถ้าอยู่ท่ามกลางกลุ่มสังคมที่มีการช่วยเหลือเกื้อกูลกันเป็นปกติ ยิ่งทำให้ลักษณะนิสัยนี้พบเห็นได้ทั่วไปมากขึ้น
แล้วทำไมเราถึงรู้สึกอยากช่วยเหลือคนอื่น?
- ทฤษฎีวิวัฒนาการ
มีทฤษฎีวิวัฒนาการกล่าวไว้ว่า เพราะมนุษย์มี Kin Selection ซึ่งว่าด้วยการที่มนุษย์มักให้การช่วยเหลือบุคคลใกล้ตัว ในที่นี้หมายถึงคนในครอบครัว ซึ่งจะทำให้อัตราการรอดชีวิตของครอบครัวสูงขึ้น และทำให้มีการสืบทอดกรรมพันธุ์ของครอบครัวนี้ต่อไป โดยลักษณะนิสัยการช่วยเหลือคนอื่นก็สืบทอดผ่านทางพันธุกรรมไปด้วย
- ประสาทวิทยา
นักประสาทวิทยาพบว่า เมื่อมนุษย์ให้การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์คนอื่น สมองในส่วนการให้รางวัลจะได้รับการกระตุ้น หมายความว่า เมื่อใดก็ตามที่เราได้ช่วยเหลือคนอื่น เราจะรู้สึกเหมือนกับได้รับรางวัลนั่นเอง
- สิ่งแวดล้อม
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างบน การที่เราได้อยู่ท่ามกลางสังคมหรือสิ่งแวดล้อมที่มีการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน จะเป็นการช่วยให้เรารู้จักช่วยเหลือคนอื่น เป็นทั้งการปรับตัวให้เข้ากับสังคมที่อาศัยอยู่และเป็นการได้เรียนรู้พฤติกรรมที่ดีอีกด้วย
- กระบวนการคิด
การช่วยเหลือคนอื่นอาจเป็นการตอบสนองความต้องการของเราโดยที่เราไม่รู้ตัว เช่น การช่วยเหลือคนอื่นคือการที่เราต้องการทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น แต่เราแสดงออกด้วยการให้ความช่วยเหลือคนอื่น หรือในบางกรณีคือการที่เรารู้สึกเห็นอกเห็นใจกับความยากลำบากที่เขาพบเจอจริง ๆ ก็เลยต้องการให้ความช่วยเหลือด้วยความเต็มใจก็ได้เช่นกัน
นอกจากนี้ ยังมีสิ่งที่เรียกว่า Effective Altruism ซึ่งเป็นแนวความคิดและแนวทางการขับเคลื่อนทางสังคมที่ว่าด้วย “การที่โลกจะดีขึ้นได้ เราต้องช่วยเหลือทุกคน” พูดให้เห็นภาพชัด ๆ ยกตัวอย่างการที่ประเทศพัฒนาแล้วสามารถพัฒนาเรื่องล้ำ ๆ ได้มากกว่าประเทศด้อยพัฒนา เป็นเพราะว่าผู้คนในประเทศพัฒนาแล้วได้รับคุณภาพชีวิตที่ดีและเหมาะสมแล้ว คนจึงไม่จำเป็นต้องขวนขวายเอาชีวิตรอด ทำให้ใช้เวลาไปกับการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ได้ ต่างกับประเทศด้อยพัฒนาที่คนยังต้องโฟกัสกับการเอาชีวิตรอดไปกับคุณภาพชีวิตที่ย่ำแย่เป็นส่วนใหญ่ พูดง่าย ๆ ก็คือ Effective Altruism คือแนวคิดที่ว่า “ไปด้วยกัน ไปได้ไกล” ที่จะช่วยให้ประชากรโลกทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและทำให้โลกใบนี้น่าอยู่ขึ้นในท้ายที่สุดนั่นเอง