คนสมัยนี้หาแฟนกันจากไหน?
จากยุคที่เราสร้างความรักด้วยการเจอหน้าในชีวิตประจำวัน บังเอิญเจอกัน เขียนจดหมายจีบกัน จนมาถึงยุคเพจเจอร์ เว็บแชท MSN มาจนถึงปัจจุบันที่มี Dating Apps ที่เป็นทั้งทางเลือกหลักและทางเลือกรองในการพบเจอและพบผ่านผู้คนมากหน้าหลายตา จากยุคก่อนมาถึงยุคนี้ เรามีเครื่องไม้เครื่องมือที่เป็นตัวช่วยในการเชื่อมสะพานรักได้มากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าการมีตัวช่วยมากขึ้นจะช่วยทำให้ความรักดูเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น แต่จริง ๆ แล้วการมีความรักก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะผู้คนในโลกยุคใหม่ต่างมีความคิดและค่านิยมเกี่ยวกับความรักที่เปลี่ยนแปลงไปจากยุคก่อน จะมีอะไรบ้าง ลองไปดูกัน
เรา “เลือก” มากขึ้น
ในยุคปัจจุบันที่เราไม่ได้มีแค่ไลฟ์โค้ชเรื่องการใช้ชีวิต แต่เรายังมีไลฟ์โค้ชในเรื่องความรักด้วย สำหรับคนที่เคยผ่านประสบการณ์ด้านความรักมาแล้ว บทเรียนจากความรักครั้งก่อนมักเป็นตัวช่วยในการคัดกรองคนรักและเสริมสร้างความรักในครั้งต่อไปได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับคนที่ยังไม่เคยมีความรักและยังคงสับสนงุนงงกับเรื่องราวของความสัมพันธ์อยู่ การได้เห็น อ่าน ฟัง เรียนรู้ และซึมซับเรื่องราวความสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ ทั้งนิยาย หนังสือ ภาพยนตร์ ซีรีส์ พอดแคสต์ หรือแม้แต่คนใกล้ตัว นั้นถือเป็นบทเรียนความรักผ่านเลนส์คนอื่นที่ล้ำค่า จนเราเริ่มมีการตั้งมาตรฐานและสเป็คไว้ในใจ หรือที่ในสมัยนี้เริ่มมองหา “Green Flag” และ “Red Flag” กันนั่นแหละ ซึ่งพอเรามีมาตรฐานอะไรแบบนี้แล้ว การมีความรักจะกลายเป็นเรื่องที่ยากขึ้น เนื่องจากเรามีแนวโน้มที่จะตัดโอกาสคนที่ไม่ตรงกับมาตรฐานของเราออกไปเลย
เรา “มีทางเลือก” มากขึ้น
เอ้า แล้วข้อนี้มันต่างจากข้อข้างบนยังไง? คืองี้ ข้อนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องช่องทางในการเพิ่มตัวเลือกให้กับเรา ในยุคสมัยที่ค่าอินเทอร์เน็ตถูกกว่าค่าเดินทาง ยังไงคนส่วนใหญ่ก็นิยมหาแฟนผ่าน Dating Apps กันทั้งนั้น ข้อดีชุดใหญ่ของ Dating Apps เลยก็คือ เราจะสามารถพบเจอใครจากไหนก็ได้ เราสามารถเลือกจิ้มคนเข้าตาเราจากทั่วทั้งโลกได้เลย ขีดเส้นใต้คำว่า “ทั่วโลก” นั่นทำให้ความเป็นไปได้ที่จะเจอคนที่ตรงสเป็คเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว แต่ยังไงก็คุยกันดี ๆ ล่ะ ระวังสแกมเมอร์และระวังเจอคนไม่จริงใจเข้า ไม่งั้นจะเสียใจยาวเลย
เรา “แค่อยากสนุก” มากขึ้น
ในขณะที่มีคนกลุ่มหนึ่งค่อนข้างจริงจังกับความรักพอตัว อีกด้านหนึ่งของความรัก หลาย ๆ คนก็เลือกที่จะมองหา ”ความสนุก” มากกว่าความรักที่จริงจังและมั่นคง โดยเฉพาะในยุคที่ Dating Apps เจริญรุ่งเรืองอย่างในปัจจุบันนี้ การพูดคุยเพื่อคบหาหรือเพื่อแก้เหงาก็ทำได้ง่ายขึ้น คุยไปคุยมา บางทีมันก็ขี้เกียจทำความรู้จักกันในเชิงลึก จนทำให้บางคนเลือกที่จะไม่มีแฟน แต่มองหา FWB หรือ Friend with Buffet เอ้ย ไม่ใช่! Friend with Benefit ที่เป็นความสัมพันธ์รูปแบบหนึ่งที่ช่วยทำให้เราแก้เหงาทางด้านร่างกายเป็นหลัก ส่วนเรื่องแก้เหงาทางใจนี่ต้องมองเป็นอีกกรณีไป เพราะ FWB เป็นความสัมพันธ์ที่เน้นไปที่ความสุขและความเข้ากันได้ทางร่างกาย มากกว่าการเข้าทางได้ทางจิตใจ นัยหนึ่งความสัมพันธ์รูปแบบนี้เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการความผูกมัดทางความสัมพันธ์ (Commitment) เพราะเวลาที่ความรักมันมีความผูกมัดที่จริงจังขึ้นมาเมื่อไหร่ เมื่อนั้นความรักอาจไม่สนุกอีกต่อไปแล้วก็ได้
เรา “มีค่านิยมและสังคมที่เปลี่ยนไป”
ต่อมาจากข้อด้านบน ด้วยค่านิยมด้านความรักที่มีความเป็นไปได้มากขึ้น และค่านิยมทางสังคมที่มีความเปิดกว้างมากขึ้น ความรักที่เกิดขึ้นในยุคนี้แตกแขนงไปหลายรูปแบบมาก ทั้งเป็น FWB เป็นคนคุย เป็นคนชอบความสัมพันธ์ที่มีกันหลายคน (Polyamory) หรือเป็นคนในความสัมพันธ์แบบเปิด (Open Relationship) ความสัมพันธ์แบบนี้เกิดจากความต้องการที่หลากหลาย ยิ่งคนเรามีความต้องการที่หลากหลายฉันใด ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการก็มีมากมายหลายแบบฉันนั้น ในส่วนของเรื่องส้งคมที่เปลี่ยนไป หลาย ๆ คนน่าจะเห็นกันแล้วว่า การมีความรักไปจนถึงในขั้นสร้างครอบครัวร่วมกันนี่ค่อนข้างเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับยุคนี้มากทีเดียว เพราะค่าใช้จ่ายในการสร้างครอบครัวและฟูมฟักเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งให้เติบโตมาอย่างดีเป็นเรื่องที่ใช้เงินเยอะมาก ๆ ส่วนหนึ่งความคิดแบบนี้ก็ทำให้หลาย ๆ คู่วางแผนว่าจะไ่ม่มีลูกกัน และอาจทำให้คนที่ยังไม่มีคู่หลาย ๆ คนคิดว่า เราไม่จำเป็นต้องมีคนรักเพื่อสร้างครอบครัวในสังคมแบบนี้ก็ได้ จึงทำให้ไม่มีแรงจูงใจในการหาหวานใจไปโดยปริยาย
เรา “มองหาความรักจากที่อื่น” กันมากขึ้น
เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “ความรักไม่ใช่ทุกอย่าง” กันบ้างไหม? ในข้อนี้ก็เป็นประมาณนั้นแหละ ความรักแบบคู่รักไม่ใช่ทุกอย่าง เรายังสามารถมองหาความรักได้จากหลาย ๆ ที่ เช่น ความรักจากครอบครัว กลุ่มเพื่อน กลุ่มสังคมของเรา กลุ่มคนที่ชอบอะไรเหมือน ๆ กัน ชุมชนที่เราอาศัยอยู่ และอีกหลากหลายกลุ่มสังคมมากมายที่ทำให้เรารู้จักกับความรักได้ หรือแม้แต่จะเป็นการรักตัวเองก็ด้วยเช่นกัน เพราะความรักอยู่ในทุกที่ เราสามารถให้ความรักและรับความรักได้จากหลาย ๆ ที่มากมายเลย
สุดท้ายแล้ว การมีความรักในยุคนี้เป็นได้ทั้งเรื่องที่ง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก และอาจยากเกินจะเอื้อมถึงก็ได้ อยู่ที่ตัวเราด้วยว่าเรามีมุมมองความรักแบบไหน อยากได้มันมาง่าย ๆ ไหม หรืออยากทะนุถนอมมันไปนาน ๆ อยากได้ความรักแบบไหนก็ต้องลองเข้าไปมีประสบการณ์กับมันพื่อให้ได้เข้าใจ และถือว่าเป็นการได้เปิดโอกาสให้ตัวเองสักครั้งก็ได้ แต่ถ้าไม่อยากไขว่คว้าหาความรักกันไปมากมาย การรักตัวเองก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน
ขอให้ทุกคนมีความสุขกับความรัก ❤️
อ้างอิง